Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[INV024] ข้อคิดจากการลงทุนของผม ประจำปี 2016 (2559)

กลับมาเจอกันเช่นเคยเมื่อขึ้นปีใหม่ กับการสรุปข้อคิดและผลจากการลงทุนของผมในปีที่ผ่านมา (2559)
ก่อนอื่น มาดูผลงานกันก่อนเลย...

ผลตอบแทนตลาดโดยรวม SET TRI: 23.85%
ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: 20.93%

ผลตอบแทน SET Index: 19.39%
ผลตอบแทน SET50 Index: 18.60%
ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: 18.70%

ชัดเจนนะครับ ปีนี้ผมแพ้ตลาดไปประมาณ -3% และ -0.7% ตามลำดับ
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่แพ้ตลาด (ก่อนหน้านั้นก็เคยแพ้นะ แต่ยังไม่ได้บันทึกไว้)

นี่คืออีกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยอยากจะพูดหรือแนะนำเรื่องหุ้นรายตัว เพราะฝีมือผมมันยังไม่ถึงจะไปสอนหรือแนะนำใครได้
เช่นปีนี้ ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการลงทุนเลย แล้วเอาเงินไปซื้อกองทุน SET Index คุณก็จะได้ผลตอบแทนดีกว่าที่ผมพยายามมาทั้งปี ง่ายและสบายกว่ากันเยอะเลย

...

ผมลองนั่งนึกดูว่าทำไมปีนี้ถึงแพ้ตลาด ก็พอสรุปได้เป็น 2 ข้อหลักประมาณนี้ครับ

1. ปีนี้ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้ หุ้นหลายตัวที่แพงแล้วในมุมมองของผม ก็ยังจะแพงขึ้นไปได้อีก ทำให้เป็นโอกาสดีสำหรับผมในการโละหุ้นบางตัวออกบางส่วนเพื่อเพิ่มสัดส่วนเงินสดให้มากขึ้น จากที่ปีก่อนถือเงินสดไม่น่าเกิน 2% ตอนนี้ขยับเป็น 5% ซึ่งก็เริ่มทยอยนำมาลงในหุ้นบางตัวที่สนใจในปีนี้บ้างบางส่วน
สำหรับหุ้นที่โละไปนั้น ส่วนมากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ซื้อไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มลงทุนแรกๆ มันคือการซื้อไว้โดยไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน และมักเป็นธุรกิจที่ประเมินกำไรยาก ผมตัดสินใจแล้วว่าคงไม่มีเวลาศึกษาหรือทำความเข้าใจมันได้อีกต่อไป จึงทยอยขายออกไปเมื่อราคาเริ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ราคาก็ขยับขึ้นไปอีก นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ผลตอบแทนของผมไม่ได้สูงตามตลาด แต่ผมกลับรู้สึกพอใจที่สามารถกำหนดกลยุทธ์และทำได้จริง ไม่คล้อยตามราคาที่สูงขึ้นจนทำให้เสียแผนที่วางไว้ ถือเป็นการจำกัดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสลงทุนในธุรกิจที่เข้าใจและมี upside มากกว่านี้

2. "ซัดไม่เต็มข้อ ล่อไม่เต็มแข้ง"
ผมพบว่าปีนี้การตัดสินใจของผมมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ (คิดถูกมากกว่าคิดผิด) ผมได้ประโยชน์จากความกลัวของผู้คนในตลาดไปหลายครั้งในปีนี้ แต่น่าเสียดายที่จิตใจผมยังมีความกลัวแบบสมัยก่อน ทำให้การตัดสินใจถูกในแต่ละครั้งมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้
นี่เป็นอีกบทเรียนที่สำคัญและเน้นย้ำว่าต้องฝึกเรื่องจิตใจเพิ่มอีกเยอะเลย

สำหรับข้อคิดที่ดีและคิดว่ามาถูกทาง แม้ปีนี้จะแพ้ตลาดก็ตามคือ...

1. การลงทุนของผมมีประสิทธิภาพมากขึ้น กล่าวคือ ใช้เวลาน้อยลงแต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ลดลงมากนัก ถือว่าพอใช้ได้ เพราะปีนี้งานประจำนั้นยุ่งมากๆ กลับบ้านดึกหลายๆวัน พอถึงบ้านดึกก็รู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อน และขี้เกียจที่จะศึกษาหุ้นต่อ (ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอาซะเลย)
แต่ประสบการณ์เริ่มทำให้เราจับจุดได้ว่า ในเวลาที่มีจำกัดนั้น ควรจะประเมินอย่างไรดี ทั้งในแง่ของคุณภาพและปริมาณ สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกเติบโตขึ้นและคิดว่าเป็นข้อดีของการลงทุนด้วยตนเองที่หาไม่ได้จากการซื้อกองทุน เพราะเราได้ความรู้และประสบการณ์มากขึ้นจากสิ่งที่ลองผิดลองถูก

2. กระจายการลงทุนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น
ปีนี้ผมอายุย่างเข้าเลข 3 แล้ว (แม้หน้าตาจะยังไม่ถึงก็ตาม อิอิ ;P ) แน่นอนว่าความเสี่ยงก็เริ่มสูงขึ้น ไม่เหมือนสมัยยี่สิบต้นๆหรือกลางๆ การปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยง ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการที่คิดว่าจะทำยังไงให้ได้ผลตอบแทนสูงๆ
และข้อนี้จะเป็นสิ่งที่ผมจะเน้นมากขึ้นในปี 2560 นี้ คือกระจายการลงทุนในพันธบัตร ประกันชีวิต และหุ้นต่างประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงให้มากขึ้น

...

จากที่ว่ามาข้างต้น แน่นอนว่ามันยังมีหลายอย่างที่ใหม่สำหรับผม ซึ่งทำให้ปีนี้คงได้ศึกษาและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกมาก
แม้ปีนี้จะแพ้ตลาด แต่เมื่อมองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในทางที่เราจะไป ก็ไม่ได้ทำให้เราย่อท้อเลย ซ้ำยังทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับความท้าทายที่รออยู่เสียอีก

ในปีที่ผ่านมา ใครที่ทำได้ไม่ดีอย่างที่คาดหวังไว้ก็อย่าเพิ่งท้อเช่นกัน
ปีนี้เรามาพยายามไปด้วยกันดีกว่านะ!

ps. อ่านข้อคิดจากการลงทุนของผมเมื่อปี 2015 (2558) ได้ที่นี่

ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน