[TRA016] เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก รีวิวแบบลวกๆ ตอนที่ 3: Biei-Furano-Asahikawa-Sapporo (ตอนจบ)
เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก รีวิวแบบลวกๆ ตอนที่ 3: Biei-Furano-Asahikawa-Sapporo (ตอนจบ)
วันที่ 4:
Sapporo -> Asahikawa
- เราเช็คเอาท์โรงแรมแต่เช้าเพื่อเดินทางออกจาก Sapporo ไปยังเมือง Asahikawa ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทริปขับรถในครั้งนี้ หลังจากถึง Asahikawa ประมาณ 9 โมงเช้าก็นำกระเป๋าเดินทางไปฝากที่โรงแรม Washington ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานี สามารถแจ้งพนง.ได้เลยว่าจะเช็คอินวันพรุ่งนี้ ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเราจัดเป้ไว้จะไปค้างที่ Furano ก่อนคืนนึง พรุ่งนี้ค่อยกลับมานอนที่นี่
- ฝากกระเป๋าเสร็จ ก็เดินข้ามมาซอยนึงก็เจอ Toyota Rent-a-car ทันที มารับรถที่จองไว้ เป็น Toyota Vitz Hybrid รถเล็กแต่ก็นั่ง 4 คนพอดีๆ เพราะสัมภาระมีแค่เป้คนละใบ
- เช็ครถเสร็จก็ออกเดินทางทันที จุดมุ่งหมายแรกคือ...Lawson ครับ เนื่องจากโปรแกรมวันนี้เน้นขับไปเที่ยวตามทุ่งต่างๆใน Biei จึงขอแวะทานข้าวเช้าแบบเร็วๆและตุนเสบียงเอาไว้ก่อน มี Lawson ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเป็นสาขาใหญ่ มีที่จอดรถสบายมาก
Asahikawa -> Biei
- มุ่งตรงเข้าสู่ Biei แวะชมสวนดอกไม้ที่ Zerubu no oka (ぜるぶの丘) เป็นสวนขนาดไม่ใหญ่มาก มีแปลงดอกไม้หลากสี
- ขับต่อไปอีกไม่ไกล เลี้ยวเข้าสู่เส้นทาง Patchwork Road แวะจุดหมายแรกคือหอชมวิว Hokusei no oka (北西の丘展望公園) เป็นหอชมวิวรูปทรงปิรามิด ด้านล่างจะมีแปลงลาเวนเดอร์และมองเห็นทุ่งสีเขียว ถือเป็นจุดพักที่ได้รับความนิยมจากทัวร์และทัศนศึกษาเพราะเจอแต่เด็กนักเรียนทั้งนั้นเลย
- จากนั้นเราก็ตระเวณแวะถ่ายรูปกับเหล่าต้นไม้ชื่อดัง ไล่ตั้งแต่ Ken and Mary, Seven Star, Parents and Child แต่ละจุดจะมีป้ายบอกที่มาของต้นไม้ ส่วนมากจะดังมาจากการถูกใช้เป็นสถานที่โฆษณาทีวี ทุกจุดมีที่จอดรถให้
- ขับออกจากเส้นทาง Patchwork Road ออกไปทางตะวันออกของเมือง Biei เพื่อแวะทานอาหารกลางวันที่ Farm Chiyoda เมนูแนะนำคือสเต็กเนื้อและแกงกะหรี่เนื้อ มีนมขวดเล็กๆขาย ชิมแล้วอร่อยดี
- ขับต่อไปยัง Blue Pond (青い池) ไกลและคนเยอะพอสมควร แต่ก็คุ้มที่ได้มาดู มันเป็นสีฟ้าาาซะจริงๆเลย ดูแล้วสบายตาดีจัง
Biei -> Furano
- ขับรถยิงยาวลงมาทาง Furano มีเวลาเหลือพอแวะ Lavender East คือสาขาย่อยของ Tomita Farm อันโด่งดัง ที่นี่จะมีแต่ลาเวนเดอร์ล้วนๆเลย แต่ช่วงที่เราไปนี่ลาเวนเดอร์ยังไม่ค่อยบาน ก็เลยดูไม่ค่อยสวย แวะชิม lavender soft cream ก็เหมือน soft ทั่วๆไปในญี่ปุ่นแหละ เพิ่มเติมคือกลิ่นลาเวนเดอร์หอมๆ
- เนื่องจากไม่ได้สั่งจองมื้อเย็นไว้กับที่พัก เลยลองหาซุปเปอร์ใน google ดู เผื่อว่าจะซื้อของกินเข้าไป ดันไปเจอ hypermarket โดยบังเอิญ (スーパーセンターBESTOM 中富良野店) ก็เลยได้มื้อเย็นและตุนขนมกับเบียร์เพียบเลย (เบียร์เยอะและถูกมาก มี Sapporo แทบจะครบทุก edition เท่าที่จะนึกได้)
- ช้อปเสร็จก็ตรงดิ่งสู่ที่พัก เป็น hostel ที่อยู่บนเนินเขาก่อนจะเข้าสู่ตัวเมือง Furano ชื่อ Pension Ashitaya เจ้าของชื่อ จิมมี่ แกพูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อเลย แถมใจดีมากๆด้วย บ้านพักสวย สะอาด ห้องใหญ่ ทุกอย่างโอเคหมดเลย อาหารเช้าภรรยาของจิมมี่ซังก็เป็นคนเตรียมเอง ขนมปัง น้ำผลไม้ ทุกอย่างคือ homemade ที่แท้ทรู อร่อยมากจนรู้สึกผิดที่ไม่ได้ซื้อมื้อเย็นเอาไว้ ใครอยากได้ที่พักแถว Furano-Biei ขอแนะนำเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
วันที่ 5:
Furano -> Biei -> Asahikawa
- ทานอาหารเช้าเสร็จ ออกจากที่พักมุ่งสู่ Saika no Sato (ラベンダー園彩香の里佐々木ファーム) เป็นฟาร์มที่อยู่บนเนินเขา จุดเด่นคือจะมองเห็นวิวเป็นทุ่งกว้างๆและมีภูเขาเป็นฉากหลัง มาแต่เช้าคนแทบไม่มี ร้านขายของที่ระลึกมีสินค้าที่เกี่ยวกับลาเวนเดอร์ล้วนๆเลย
- ขับออกมาอีกไม่ไกลก็ถึงฟาร์มยอดฮิต Tomita มาเร็วไปหน่อย ดอกไม้ยังไม่ค่อยบาน คนเยอะและร้อนมากๆ ถ่ายรูปลำบากหน่อยเพราะมุมไหนก็ติดคนไปหมด เมล่อนอย่าไปกินเลย งั้นๆมาก มันฝรั่งอบเนยนี่พอได้อยู่
- แวะกินราเม็ง Santouka แบรนด์ดังจาก Asahikawa อร่อยดี แนะนำชิโอะราเม็ง (ไม่รู้ทำไมพอมาทำสาขาที่ไทยถึงกากลงเยอะมาก)
- ขับกลับ Asahikawa แวะเติมน้ำมัน เป็นครั้งแรกที่จะได้ลองเติมน้ำมันเอง ขั้นตอนหลักๆก็คือเลือกว่าจะเติมน้ำมันแบบไหน (ส่วนมากก็ Regular ให้ดูตามสี) แล้วเลือกว่าจะจ่ายยังไง (เงินสด, card) เติมเท่าไหร่ก็เลือกจำนวนเงิน หรือถ้าเต็มถังก็เลือก "มันตัน"(満タン) เติมจนเสร็จกรณีถ้ามีเงินทอนมันจะมีสลิปออกมาติดพร้อมใบเสร็จ ก็มองหาเครื่องจ่ายเงินทอน เอาบาร์โค้ดในสลิปไปส่องก็จะได้เงินทอนมา
- กลับไปคืนรถที่เดิม เป็นอันจบทริปขับรถแบบง่ายๆ จากนั้นก็เช็คอินโรงแรม Washington ห้องพักใหม่และสะอาดดี นอนพักสักแป๊ป เย็นๆก็ออกไปเดินเล่นในย่านถนนคนเดิน
- ถนนช็อปปิ้งที่นี่เดินง่ายมาก เพราะมันมีแค่นั้นแหละ อยู่ตรงข้ามสถานี เดินตรงอย่างเดียว ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านราเม็งเพียบ ห้างก็มีเป็นห้างเล็กๆ 3-4 ชั้น
- แวะกินร้านอิซากายะแถวนี้เป็นมื้อเย็น Yama no Saru (山の猿買物公園通り店) (หน้าร้านมีป้ายบอกว่ามีเมนูภาษาไทยด้วย!) เมนูมีรูป อาหารโอเคเลย อร่อยทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือในร้านจะสูบบุหรี่ได้
วันที่ 6:
Asahikawa
- วันนี้ช่วงเช้ามีโปรแกรมไปเที่ยวสวนสัตว์ Asahiyama Zoo เดินทางด้วยรถบัสจากป้ายที่หน้าสถานี JR Asahikawa สวนสัตว์นี้ไฮไลท์อยู่ที่หมีขาวและเพนกวิน แต่เนื่องจากเป็นหน้าร้อนก็เลยดูพวกมันค่อนข้างเก็บตัวไม่ค่อยออกมาโชว์ตัวเท่าที่ควร (ส่วนมากหมีจะเอาแต่นอน)
- นอกนั้นก็มีพวกแมวน้ำ กวาง แพนด้าแดงนอนห้อยหัวทั้งวัน นกฮูก หมีสีน้ำตาล ก็น่ารักดูเพลินๆดี ที่นี่เดินง่ายเพราะลักษณะจะเป็นทางเดินไปกลับลึกเข้าไปอย่างเดียว
- นั่งรถบัสกลับไปที่สถานี JR Asahikawa ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ระหว่างรอรถไฟกลับซัปโปโร แวะทานข้าวกลางวันที่ food court ใน Aeon Mall ติดกับสถานี ใครจะแวะช้อปปิ้งที่นี่ก็มีครบเลย ตั้งแต่ซุปเปอร์ ร้านขายขนมและของฝาก เบียร์เหล้า ข้างบนมีร้านเสื้อผ้า และ ABC Mart
Sapporo
- กลับมาที่ Sapporo อีกครั้ง คราวนี้พักที่โรงแรม Toyoko Inn สาขาตรงสี่แยก Susukino ห้องพักก็ตามมาตรฐานของ Toyoko ทั่วๆไป ที่ดีสุดคือเรื่องทำเล เพราะอยู่ห่างจากสถานี Susukino เพียงไม่กี่ก้าว มีป้ายรถบัสที่วิ่งไปสนามบินวันที่เดินทางกลับได้เลย ฝั่งตรงข้ามก็เป็นตรอกราเม็ง เฉพาะแถวนี้ก็ร้านอาหารเพียบแล้ว เดินไปหอนาฬิกา สวนโอโดริ หรือที่ทำการเก่าของเมืองซัปโปโรก็ใช้เวลาไม่นาน
- จากนี้ก็เดินเล่น แวะถ่ายรูปเก็บสถานที่สำคัญในเมืองไปเรื่อยๆ ตอนเย็นลองไปกินปูที่ภัตตาคารตรงข้ามโรงแรม ร้านนี้จะสังเกตเห็นปูตัวใหญ่อยู่บนตึก ราคาสูงหน่อย แต่คุณภาพและบริการคุ้มมาก ถ้าไม่ได้สนใจว่าจะซัดโฮกบุฟเฟ่ต์ขาปู(ซึ่งคุณภาพไม่ดีเท่านี้ และต้องจองคิวและรีบแย่งกันกินอีกด้วย) เราแนะนำว่ามากินแบบนี้สบายใจกว่าเยอะ
- เพราะสั่งมาแค่อยากชิมเมนูปูให้ครบ เราเลยเผื่อพื้นที่ในท้องไว้ไปตะลุยตรอกราเม็งกันต่อ ร้านเยอะดีมีหลากหลายสไตล์ อยากจะชิมซะให้หมดแต่คงทำไม่ได้ในเวลานี้ สุดท้ายลองสุ่มเลือกเอาร้านท้ายซอยนี่แหละ เห็นคนนั่งเต็มและมีรูปดาราติดตามผนังเพียบ สั่งมิโสะราเม็งแบบเพิ่ม corn butter ชามใหญ่เช่นเคย พอกินหมดก็พบว่า...เฉยๆมาก ไม่ได้อร่อยอะไรเลย เหมือนราเม็งดาดๆทั่วๆไป (เอาเป็นว่ารสชาติต่ำกว่ามาตรฐานของราเม็งที่กินมาทั้งหมดในชีวิตเล็กน้อย) แต่ร้านอื่นก็ยังดูน่ากินอยู่ดีนะ
วันที่ 7:
- วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเดินเล่นช้อปปิ้งในเมือง ห้างก็จะกระจุกตัวอยู่แถวสถานี JR Sapporo เพียบ ขอตัดจบดื้อๆเลยละกัน
- อ่านตอนที่ 1: New Chitose, Hakodate, Sapporo คลิกที่นี่
- อ่านตอนที่ 2: Otaru, Sapporo คลิกที่นี่
ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com
วันที่ 4:
Sapporo -> Asahikawa
- เราเช็คเอาท์โรงแรมแต่เช้าเพื่อเดินทางออกจาก Sapporo ไปยังเมือง Asahikawa ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทริปขับรถในครั้งนี้ หลังจากถึง Asahikawa ประมาณ 9 โมงเช้าก็นำกระเป๋าเดินทางไปฝากที่โรงแรม Washington ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานี สามารถแจ้งพนง.ได้เลยว่าจะเช็คอินวันพรุ่งนี้ ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเราจัดเป้ไว้จะไปค้างที่ Furano ก่อนคืนนึง พรุ่งนี้ค่อยกลับมานอนที่นี่
- ฝากกระเป๋าเสร็จ ก็เดินข้ามมาซอยนึงก็เจอ Toyota Rent-a-car ทันที มารับรถที่จองไว้ เป็น Toyota Vitz Hybrid รถเล็กแต่ก็นั่ง 4 คนพอดีๆ เพราะสัมภาระมีแค่เป้คนละใบ
Toyota Vitz Hybrid จิ๋วแต่แจ๋ว |
- เช็ครถเสร็จก็ออกเดินทางทันที จุดมุ่งหมายแรกคือ...Lawson ครับ เนื่องจากโปรแกรมวันนี้เน้นขับไปเที่ยวตามทุ่งต่างๆใน Biei จึงขอแวะทานข้าวเช้าแบบเร็วๆและตุนเสบียงเอาไว้ก่อน มี Lawson ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเป็นสาขาใหญ่ มีที่จอดรถสบายมาก
Asahikawa -> Biei
- มุ่งตรงเข้าสู่ Biei แวะชมสวนดอกไม้ที่ Zerubu no oka (ぜるぶの丘) เป็นสวนขนาดไม่ใหญ่มาก มีแปลงดอกไม้หลากสี
Zerubu no oka (ぜるぶの丘) |
- ขับต่อไปอีกไม่ไกล เลี้ยวเข้าสู่เส้นทาง Patchwork Road แวะจุดหมายแรกคือหอชมวิว Hokusei no oka (北西の丘展望公園) เป็นหอชมวิวรูปทรงปิรามิด ด้านล่างจะมีแปลงลาเวนเดอร์และมองเห็นทุ่งสีเขียว ถือเป็นจุดพักที่ได้รับความนิยมจากทัวร์และทัศนศึกษาเพราะเจอแต่เด็กนักเรียนทั้งนั้นเลย
Hokusei no oka (北西の丘展望公園) |
- จากนั้นเราก็ตระเวณแวะถ่ายรูปกับเหล่าต้นไม้ชื่อดัง ไล่ตั้งแต่ Ken and Mary, Seven Star, Parents and Child แต่ละจุดจะมีป้ายบอกที่มาของต้นไม้ ส่วนมากจะดังมาจากการถูกใช้เป็นสถานที่โฆษณาทีวี ทุกจุดมีที่จอดรถให้
Patchwork Road Scene in Biei |
Patchwork Road Scene in Biei |
Parents and Child Trees |
- ขับออกจากเส้นทาง Patchwork Road ออกไปทางตะวันออกของเมือง Biei เพื่อแวะทานอาหารกลางวันที่ Farm Chiyoda เมนูแนะนำคือสเต็กเนื้อและแกงกะหรี่เนื้อ มีนมขวดเล็กๆขาย ชิมแล้วอร่อยดี
เมนูเด็ดแห่ง Farm Chiyoda รสชาติเจ้มจ้น |
- ขับต่อไปยัง Blue Pond (青い池) ไกลและคนเยอะพอสมควร แต่ก็คุ้มที่ได้มาดู มันเป็นสีฟ้าาาซะจริงๆเลย ดูแล้วสบายตาดีจัง
Blue Pond (青い池) |
Biei -> Furano
- ขับรถยิงยาวลงมาทาง Furano มีเวลาเหลือพอแวะ Lavender East คือสาขาย่อยของ Tomita Farm อันโด่งดัง ที่นี่จะมีแต่ลาเวนเดอร์ล้วนๆเลย แต่ช่วงที่เราไปนี่ลาเวนเดอร์ยังไม่ค่อยบาน ก็เลยดูไม่ค่อยสวย แวะชิม lavender soft cream ก็เหมือน soft ทั่วๆไปในญี่ปุ่นแหละ เพิ่มเติมคือกลิ่นลาเวนเดอร์หอมๆ
- เนื่องจากไม่ได้สั่งจองมื้อเย็นไว้กับที่พัก เลยลองหาซุปเปอร์ใน google ดู เผื่อว่าจะซื้อของกินเข้าไป ดันไปเจอ hypermarket โดยบังเอิญ (スーパーセンターBESTOM 中富良野店) ก็เลยได้มื้อเย็นและตุนขนมกับเบียร์เพียบเลย (เบียร์เยอะและถูกมาก มี Sapporo แทบจะครบทุก edition เท่าที่จะนึกได้)
- ช้อปเสร็จก็ตรงดิ่งสู่ที่พัก เป็น hostel ที่อยู่บนเนินเขาก่อนจะเข้าสู่ตัวเมือง Furano ชื่อ Pension Ashitaya เจ้าของชื่อ จิมมี่ แกพูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อเลย แถมใจดีมากๆด้วย บ้านพักสวย สะอาด ห้องใหญ่ ทุกอย่างโอเคหมดเลย อาหารเช้าภรรยาของจิมมี่ซังก็เป็นคนเตรียมเอง ขนมปัง น้ำผลไม้ ทุกอย่างคือ homemade ที่แท้ทรู อร่อยมากจนรู้สึกผิดที่ไม่ได้ซื้อมื้อเย็นเอาไว้ ใครอยากได้ที่พักแถว Furano-Biei ขอแนะนำเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
Pension Ashitaya, Furano |
หลังบ้านจิมมี่ซังเป็นไร่องุ่น มองเห็นวิวภูเขา Asahidake ด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ |
วันที่ 5:
Furano -> Biei -> Asahikawa
- ทานอาหารเช้าเสร็จ ออกจากที่พักมุ่งสู่ Saika no Sato (ラベンダー園彩香の里佐々木ファーム) เป็นฟาร์มที่อยู่บนเนินเขา จุดเด่นคือจะมองเห็นวิวเป็นทุ่งกว้างๆและมีภูเขาเป็นฉากหลัง มาแต่เช้าคนแทบไม่มี ร้านขายของที่ระลึกมีสินค้าที่เกี่ยวกับลาเวนเดอร์ล้วนๆเลย
จุดชมวิวที่เห็นทุ่งลาเวนเดอร์ด้านหน้าและเมืองด้านหลัง |
Saika no Sato (ラベンダー園彩香の里佐々木ファーム) |
- ขับออกมาอีกไม่ไกลก็ถึงฟาร์มยอดฮิต Tomita มาเร็วไปหน่อย ดอกไม้ยังไม่ค่อยบาน คนเยอะและร้อนมากๆ ถ่ายรูปลำบากหน่อยเพราะมุมไหนก็ติดคนไปหมด เมล่อนอย่าไปกินเลย งั้นๆมาก มันฝรั่งอบเนยนี่พอได้อยู่
ลาเวนเดอร์ยังไม่บานเท่าไหร่ |
Farm Tomita |
ทุ่งดอกไม้หลากสีที่ Farm Tomita |
- แวะกินราเม็ง Santouka แบรนด์ดังจาก Asahikawa อร่อยดี แนะนำชิโอะราเม็ง (ไม่รู้ทำไมพอมาทำสาขาที่ไทยถึงกากลงเยอะมาก)
Santouka Ramen อร่อยมาก |
- ขับกลับ Asahikawa แวะเติมน้ำมัน เป็นครั้งแรกที่จะได้ลองเติมน้ำมันเอง ขั้นตอนหลักๆก็คือเลือกว่าจะเติมน้ำมันแบบไหน (ส่วนมากก็ Regular ให้ดูตามสี) แล้วเลือกว่าจะจ่ายยังไง (เงินสด, card) เติมเท่าไหร่ก็เลือกจำนวนเงิน หรือถ้าเต็มถังก็เลือก "มันตัน"(満タン) เติมจนเสร็จกรณีถ้ามีเงินทอนมันจะมีสลิปออกมาติดพร้อมใบเสร็จ ก็มองหาเครื่องจ่ายเงินทอน เอาบาร์โค้ดในสลิปไปส่องก็จะได้เงินทอนมา
- กลับไปคืนรถที่เดิม เป็นอันจบทริปขับรถแบบง่ายๆ จากนั้นก็เช็คอินโรงแรม Washington ห้องพักใหม่และสะอาดดี นอนพักสักแป๊ป เย็นๆก็ออกไปเดินเล่นในย่านถนนคนเดิน
- ถนนช็อปปิ้งที่นี่เดินง่ายมาก เพราะมันมีแค่นั้นแหละ อยู่ตรงข้ามสถานี เดินตรงอย่างเดียว ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านราเม็งเพียบ ห้างก็มีเป็นห้างเล็กๆ 3-4 ชั้น
- แวะกินร้านอิซากายะแถวนี้เป็นมื้อเย็น Yama no Saru (山の猿買物公園通り店) (หน้าร้านมีป้ายบอกว่ามีเมนูภาษาไทยด้วย!) เมนูมีรูป อาหารโอเคเลย อร่อยทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือในร้านจะสูบบุหรี่ได้
ร้านอิซากายะ มีเมนูภาษาไทยและอังกฤษ |
วันที่ 6:
Asahikawa
- วันนี้ช่วงเช้ามีโปรแกรมไปเที่ยวสวนสัตว์ Asahiyama Zoo เดินทางด้วยรถบัสจากป้ายที่หน้าสถานี JR Asahikawa สวนสัตว์นี้ไฮไลท์อยู่ที่หมีขาวและเพนกวิน แต่เนื่องจากเป็นหน้าร้อนก็เลยดูพวกมันค่อนข้างเก็บตัวไม่ค่อยออกมาโชว์ตัวเท่าที่ควร (ส่วนมากหมีจะเอาแต่นอน)
เพนกิ้นเพนกิ้น |
หมีขาวดูคงจะร้อน |
- นอกนั้นก็มีพวกแมวน้ำ กวาง แพนด้าแดงนอนห้อยหัวทั้งวัน นกฮูก หมีสีน้ำตาล ก็น่ารักดูเพลินๆดี ที่นี่เดินง่ายเพราะลักษณะจะเป็นทางเดินไปกลับลึกเข้าไปอย่างเดียว
แพนด้าแดงนอนห้อยหัว |
- นั่งรถบัสกลับไปที่สถานี JR Asahikawa ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ระหว่างรอรถไฟกลับซัปโปโร แวะทานข้าวกลางวันที่ food court ใน Aeon Mall ติดกับสถานี ใครจะแวะช้อปปิ้งที่นี่ก็มีครบเลย ตั้งแต่ซุปเปอร์ ร้านขายขนมและของฝาก เบียร์เหล้า ข้างบนมีร้านเสื้อผ้า และ ABC Mart
Sapporo
- กลับมาที่ Sapporo อีกครั้ง คราวนี้พักที่โรงแรม Toyoko Inn สาขาตรงสี่แยก Susukino ห้องพักก็ตามมาตรฐานของ Toyoko ทั่วๆไป ที่ดีสุดคือเรื่องทำเล เพราะอยู่ห่างจากสถานี Susukino เพียงไม่กี่ก้าว มีป้ายรถบัสที่วิ่งไปสนามบินวันที่เดินทางกลับได้เลย ฝั่งตรงข้ามก็เป็นตรอกราเม็ง เฉพาะแถวนี้ก็ร้านอาหารเพียบแล้ว เดินไปหอนาฬิกา สวนโอโดริ หรือที่ทำการเก่าของเมืองซัปโปโรก็ใช้เวลาไม่นาน
สวนสาธารณะโอโดริ |
- จากนี้ก็เดินเล่น แวะถ่ายรูปเก็บสถานที่สำคัญในเมืองไปเรื่อยๆ ตอนเย็นลองไปกินปูที่ภัตตาคารตรงข้ามโรงแรม ร้านนี้จะสังเกตเห็นปูตัวใหญ่อยู่บนตึก ราคาสูงหน่อย แต่คุณภาพและบริการคุ้มมาก ถ้าไม่ได้สนใจว่าจะซัดโฮกบุฟเฟ่ต์ขาปู(ซึ่งคุณภาพไม่ดีเท่านี้ และต้องจองคิวและรีบแย่งกันกินอีกด้วย) เราแนะนำว่ามากินแบบนี้สบายใจกว่าเยอะ
สวนโอโดริจากบน TV Tower |
- เพราะสั่งมาแค่อยากชิมเมนูปูให้ครบ เราเลยเผื่อพื้นที่ในท้องไว้ไปตะลุยตรอกราเม็งกันต่อ ร้านเยอะดีมีหลากหลายสไตล์ อยากจะชิมซะให้หมดแต่คงทำไม่ได้ในเวลานี้ สุดท้ายลองสุ่มเลือกเอาร้านท้ายซอยนี่แหละ เห็นคนนั่งเต็มและมีรูปดาราติดตามผนังเพียบ สั่งมิโสะราเม็งแบบเพิ่ม corn butter ชามใหญ่เช่นเคย พอกินหมดก็พบว่า...เฉยๆมาก ไม่ได้อร่อยอะไรเลย เหมือนราเม็งดาดๆทั่วๆไป (เอาเป็นว่ารสชาติต่ำกว่ามาตรฐานของราเม็งที่กินมาทั้งหมดในชีวิตเล็กน้อย) แต่ร้านอื่นก็ยังดูน่ากินอยู่ดีนะ
ตรอกราเม็ง |
วันที่ 7:
- วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเดินเล่นช้อปปิ้งในเมือง ห้างก็จะกระจุกตัวอยู่แถวสถานี JR Sapporo เพียบ ขอตัดจบดื้อๆเลยละกัน
- อ่านตอนที่ 1: New Chitose, Hakodate, Sapporo คลิกที่นี่
- อ่านตอนที่ 2: Otaru, Sapporo คลิกที่นี่
ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น