บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2008

Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[IT002] Windows XP: เกาะติดข้อมูลของเว็บสุดโปรดด้วย Active Desktop

รูปภาพ
Active Desktop คืออะไรหนอ??? แปลกันตรงๆตัวเลย ก็คือ desktop ที่มันสามารถตอบโต้ใช้งานได้นี่แหละ นั่นหมายความว่า เราจะไม่ได้มีแค่พื้นที่ว่างๆ กับแค่ wallpaper สวยๆอีกต่อไป ลองจินตนาการดูว่า เราสามารถนำเว็บที่เราติดตามข้อมูลบ่อยๆ มาสอดไว้ใต้พื้นผิวโต๊ะทำงานของเราได้ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรเพิ่มเลย เพราะมันมีมาให้กับ windows xp อยู่แล้ว! ... กรณีศึกษา : ลืมเข้าเว็บภาค / อัพเดทข่าวไม่ทันชาวบ้าน เว็บของภาควิชาที่ผมเรียนอยู่นั้น ในหน้าแรกจะเป็นข่าวสารที่จะต้องคอยติดตามตลอด เพราะการประกาศอย่างเป็นทางการใดๆ จะมารวมกันอยู่ที่นี่ ฉะนั้นแล้ว สิ่งแรกที่เราควรจะต้องทำให้เป็นนิสัยคือ เช็คเว็บภาคบ่อยๆ เท่าที่จะนึกได้ (อย่างน้อยก็วันละ 1 ครั้ง) แต่ก็มีบางครั้งที่อาจหลงลืมไป หรือบางทีอาจจะคิดว่า วันนี้ดูไปแล้วตอนเช้า ไม่ต้องเช็คอีกก็ได้ แต่เกิดอาจารย์ประกาศเลื่อนสอนตอนเที่ยงคืนล่ะ !?! การใช้ active desktop จะทำให้หน้าเว็บภาควิชามาแสดง อยู่ที่ desktop ตลอดเวลา โดยจะแสดงเป็นกรอบเล็กๆ ที่สามารถ scroll ดูได้เหมือนเราดูเว็บปกติ สำหรับการอัพเดทนั้น จะอัพเดทเองอัตโนมัติ

106

ไดอารี่ที่รัก... เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเล่น flag football อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ที่สนามในกรมทหารราบ 1 พัน 1 รอ. ถนนวิภาวดี (ข้างๆปั๊มปตท. อยู่ตรงข้ามกับ ม.หอการค้าฯ) ซึ่งจัดอย่างไม่เป็นทางการทุกๆ 2 อาทิตย์ โดยสมาคมแฟลกฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในระหว่างนั่งรถเมล์ ผมก็กำลังคิดอะไรหลายต่อหลายอย่าง... "ไปคนเดียว ไม่รู้จักใครเลย แม่งเขินว่ะ!" "ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อย เหนื่อยง่าย ไปเป็นตัวถ่วงคนอื่นแหงเลยว่ะ" "เราก็พอเล่นเป็นบ้างแหละน่า ไม่น่าเกลียดอะไรหรอกมั้ง" ... หลังจากนั้นผมก็คิดอะไรได้บางอย่าง... "เอาล่ะ ไปถึงเราจะทำเป็นลืมทุกอย่างที่เคยรู้มาเสีย" ผมคิดเชื่อมโยงไปถึง "เซ็นและแก้วน้ำ" ... หากเราใส่น้ำไว้เยอะเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสเปิดรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาน้อยลงเท่านั้น สิ่งที่เรามีอยู่ อาจจะมีทั้งถูกบ้าง ผิดบ้าง มั่วเองบ้าง การที่เรามีน้ำเพียงครึ่งหนึ่งในแก้ว หรือน้อยกว่านั้น ไม่ได้แปลว่าเราต้องโยนของเก่าทิ้งเสียหมด เราเพียงแค่เอาเก็บไปไว้ที่อื่นชั่วคราวก่อน แล้วเมื่อไหร่ที่ได้รับสิ่งใหม่ๆเข้ามา มันก็ต้องมีทั้งที่ถูก ผิด ดี ไม่ดี

[LIF002] "ขอโทษ" แล้วได้อะไร???

"ขอโทษแล้วได้อะไร?!?" เป็นอีกประโยคหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยๆ และพึ่งได้ยินไปเมื่อไม่นานมานี้ มักพบได้บ่อยกับผู้ที่มีระดับการรู้เท่าทันตนเองต่ำ หรือ ต่ำและสูง ... เมื่อผมอ่าน และจ้องประโยคนี้ เสียงที่เคยได้ยิน ก็จะแว่บเข้ามาในหัวทันที คำถามที่ตามมาก็คือว่า... "แล้วทำไมต้องได้อะไรล่ะ?" ประการแรกที่ผมสงสัยนั่นคือ ทำไมเราถึงต้องคิดจะ "ได้" ไปเสียหมดทุกเรื่อง ? เมื่อคุณรู้สึกว่าเสียอะไรไปบางอย่าง คุณก็เลยคิดว่า มันจะต้อง "ได้" อะไรบางอย่างกลับคืน นั่นคือสิ่งที่อันตรายมาก หากคุณมีความคิดที่ยึดติดเช่นนั้น ... ประการที่สอง ผมสงสัยต่อว่า ถ้ามีคนมาพูดประโยคนี้กับผมอีก ผมจะอธิบายอย่างไรดี ให้เขาได้เข้าใจถึงคำว่า "ขอโทษ" มากยิ่งขึ้น ผมลองนึกย้อนกลับไปว่า... "ไอ้คนที่มันคิดคำว่าขอโทษขึ้นมานี่มันคิดยังไงวะ?" ผมก็เลยเดาต่อว่า... "อ๋อ ไอ้คำนี้แหละ ที่มันทำให้ใครหลายๆคน ได้มีโอกาสเปิดใจ และนำไปสู่การให้อภัย" นึกง่ายๆว่า เวลามีคนมาทำให้เราโกรธ แล้วชิ่งไปเลย เราจะรู้สึกแย่กว่า แบบที่คนนั้นหันกลับมากล่าวว่า "ขอโทษ" เมื่อเรารู้สึกแ

[LIF001] รอยยิ้มผู้ไม่ง้อดวงตา

หลังจากที่เคยได้ไปสำรวจครั้งหนึ่งด้วยความหมายมั่นว่า จะไปจัดกิจกรรมให้น้องๆที่นั่น แต่ด้วยตารางเวลาอันไม่ลงตัวเอาเสียเลย ทำให้เราต้องหาเวลาไปในช่วงเย็นๆวันธรรมดากันแทน ... ในที่สุด เมื่อวานนี้ผมและเพื่อนๆก็ได้มีโอกาสไปเป็นอาสาสมัคร ที่โรงเรียนสอนคนตาบอด แถวๆราชวิถี ที่นี่มีเด็กนักเรียนตาบอดหรือมีปัญหาทางสายตาตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงม.ปลาย มีทั้งเด็กที่อยู่ประจำและไป-กลับ บางส่วนก็จะเป็นเด็กเรียนร่วม คือไปเรียนตามโรงเรียนทั่วไปร่วมกับคนปกติ สำหรับในวันธรรมดา เมื่อน้องๆเลิกเรียนก็จะมีการบ้านมากมาย เหมือนอย่างที่เราๆเคยเจอกันนี่แหละ เนื้อหาและหลักสูตรที่เรียนก็จะเหมือนกับคนตาดีทั่วไป ไม่มีความแตกต่าง ฉะนั้น ตำราเบลล์ที่มีอยู่ย่อมไม่สามารถครอบคลุมได้หมดแน่นอน และเมื่อต้องใช้ตำราธรรมดาอย่างที่คนตาดีใช้ ก็จำเป็นจะต้องมีผู้มาช่วยอ่าน เขียน อธิบาย ให้กับน้องๆ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าไม่มีใครมาช่วยเขาทำล่ะก็... น้องเขาก็โดนอาจารย์ด่าน่ะสิ! ... พี่ตั้ม เป็นพี่ที่คอยดูแลน้องๆในโรงเรียนนี้ทั้งหมด ออกมาต้อนรับกลุ่มอาสาสมัครหน้าใหม่อย่างพวกเราอย่างเป็นมิตร พี่ตั้มบอกว่า "อย่ามาที่นี่ด้วยความสงสาร แต่จ

105

ไดอารี่ที่รัก... ผมอยากขอบคุณประสบการณ์ สติปัญญา ความคิด การตัดสินใจทั้งหลายจากเบื้องลึกของจิตวิญญาณ ที่ทำให้เราคลี่คลายปัญหาทั้งปวงได้ ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังมีจิตใจที่มืดบอด ขอพระเจ้าโปรดชี้ทางสว่างแก่พวกเขาเหล่านั้น ให้พวกเขาได้ใช้ "สติ" ในการค้นหาและดับทุกข์ ... อีกครั้งกับเรื่องน่าเศร้าที่เราค้นพบว่า การศึกษาอันขาดแนวทางของการพัฒนาจิตใจนั้น ช่างอันตรายกับสังคมเราในทุกวันนี้เสียเหลือเกิน หลายคนกำลังไล่ล่าเกียรตินิยม หลายคนเลือกเรียนแต่วิชาที่มีความได้เปรียบทางการงาน หลายคนกำลังลืมค้นหาความหมายของชีวิต เพราะเกิดจากอวิชชาทั้งหลาย ที่ทำให้เข้าเหล่านั้นติดอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ การเข้าใจผู้อื่น -> การให้อภัย -> การช่วยเหลือเกื้อกูล -> แก้ปัญหาได้ -> ยกระดับชีวิตของตนเอง -> ตนมีความสุข -> สังคมมีความสุข นี่คือเนื้อหาสำคัญเพียงสั้นๆ ที่อาจารย์สรณีย์ ได้สอนผมไว้ในวิชา ART OF LIVING ผมได้เปลี่ยนพื้นที่ของวิชาเลือกที่หลายๆคนเรียนไปงั้นๆนั่นแหละ มาเป็นวิชาที่ผมจะเสียดายมาก ถ้าไม่ได้เรียนมันก่อนจะจบออกไปทำงาน ... ผมไม่รู้ว่าในตอนนี้ พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

รูปภาพ
มาเล่นดนตรีกันเถอะ! คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่คิดจะเล่นดนตรี เพราะคิดว่ามันยาก ไม่มีพรสวรรค์ หรือข้ออ้างอื่นใดก็ตาม เช่น อ่านโน้ตไม่เป็น อายุมากแล้ว ... ผมไม่ใช่นักดนตรี ไม่ได้เล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ไม่มี perfect pitching และ sight reading ห่วยแตกบรม! ถึงกระนั้นก็ยังอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านเล่นดนตรีกันเถิด สำหรับผมแล้ว ดนตรีมันเหมือนเป็นอีกภาษาหนึ่ง ทุกคนในโลกล้วนแตกต่างกัน แต่ทุกคนคือหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ ดนตรีเชื่อมผู้คนมากมายให้รู้จักกัน รอยยิ้มของคนแปลกหน้าปรากฎขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ขณะที่ผู้คนพยายามอ้างข้อดีของดนตรีทั้งหลาย นักปรัชญาบางคนกลับมองว่าดนตรีคือเรื่องไร้สาระและไม่มีประโยชน์อะไรเลย ... ไว้จะมาถกเรื่องนี้กันวันหลัง กลับเข้าเรื่องดีกว่า เดี๋ยวจะออกทะเล วันนี้ผมจะมานำเสนอสิ่งดีๆให้ทุกท่าน สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นเล่นดนตรี แต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี เพราะมองอะไร จับอะไร ก็ดูยากไปเสียหมด ขอแนะนำเจ้าสัตว์สงวนตัวนี้เลย มันมีชื่อว่า " Kazoo " (คาซู่ / กระซู่) อ่ะ...ดูภาพกันก่อน... คำถามที่ตามมา... มันเล่นยังไง? การเล่น ka

[IT001] Windows XP: ซ่อนข้อความใต้ไอคอนแบบเนียนๆ

รูปภาพ
ในวันแรกๆที่มีงานรับน้อง ทุกท่านคงจะคุ้นเคยกับการแขวนป้ายชื่อ เพื่อให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้รู้จักกันอย่างง่ายมากขึ้น เหตุผลจริงๆแล้วก็คือว่า..."พวกเอ็งยังไม่สนิทกันน่ะสิ!" ... คงจะตลกไม่น้อย ถ้าเราเจอหน้าเพื่อนสนิทของเราทุกวัน โดยมีป้ายชื่ออันแสนจะน่ารักห้อยอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่เราก็จำหน้าและชื่อกันได้อยู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับไอคอนบน desktop แล้วก็พอจะได้ว่า รูปไอคอน คือ หน้าตา ข้อความด้านล่าง คือ ป้ายชื่อ หากท่านใช้เครื่องเพียงคนเดียวไม่ได้แบ่งให้ใคร ท่านก็ย่อมจะชินชาไปกับหน้าตาของ desktop และไอคอนต่างๆของท่านเอง ข้อความด้านล่างของไอคอนจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป ในเมื่อเราเห็นหน้าก็จำกันได้แล้ว "แล้วเราจะเอามันออกได้ไหมเนี่ย ?" ... เดี๋ยวจัดให้... วิธีที่เราจะทำได้คือ ตั้งชื่อว่างเปล่าให้มัน ทำให้ดูราวกับว่าไม่มีข้อความ โดยปกติแล้ว ข้อความที่อยู่ใต้ไอคอนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกเว้นว่างไว้ หรือหากคิดจะใช้วิธีตื้นๆอย่างการตั้งชื่อโดยเคาะ spacebar เพียงอย่างเดียว ก็ดูจะไม่ได้ผลอย่างที่คิดสินะ... งั้นมาลองวิธีนี้กัน... 1. คลิกขวาที่ไอคอน แ

Welcome to my blog!

สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากได้ค้นพบสิ่งดีๆในโลกไซเบอร์มาเป็นเวลาอันยาวนาน ก็ควรจะถึงเวลาที่เราจะ " แบ่งปัน " กลับคืนเสียบ้าง ในบ้านหลังใหม่นี้ จะอบอุ่นไม่แพ้หลังเก่าอย่างแน่นอน พร้อมทั้งยังชัดเจน และเข้มข้นในส่วนเนื้อหามากขึ้น ไม่ได้มีเพียงไดอารี่เท่านั้นอย่างที่เป็นมา สบายๆครับ ใครสนใจเรื่องอะไรหรืออยากแชร์ประสบการณ์ก็ตามสบายครับ :D สำหรับรหัสต่างๆต่อไปนี้ จะเป็นตัวแบ่งหมวดหมู่ตามเนื้อหาของแต่ละบทความ [COM###] - เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ [INT###] - เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต [INV###] - การลงทุน การบริหารการเงินส่วนบุคคล [MUS###] - เกี่ยวกับดนตรี การทำเพลง และเทคโนโลยีด้านเสียง [EAT###] - อาหารการกิน รีวิวร้านอาหาร วิธีการทำอาหาร [LIF###] - เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและปรัชญา [TRA###] - การท่องเที่ยว [OTH###] - เรื่องอื่นๆ [###] - ไดอารี สำหรับท่านที่สนใจบทความหรือรูปภาพใดๆต้องการนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่าจะส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บนี้ โปรดแจ้งมาที่ ampmie[แอท]จีเมวว.คอม ก่อน และ โปรดทำเครดิตและลิงค์เชื่อมโยงกลับมายังเว็บนี้ และ ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ใดๆ