AMPMIE Blog - แอมมี่, ampmie152

เกี่ยวกับสูตรนี้ สูตรนี้เป็นสูตรที่ผมทดลองชงแล้วถูกปากและชอบเป็นการส่วนตัว โดยใช้แนวคิดจากหลักการ 40:60 ของ Tetsu Kasuya มาเป็นต้นแบบ แล้วดัดแปลงตามความชอบ ซึ่งจะเน้น body ที่หนักขึ้นกว่าสูตรดริปปกติทั่วๆไป และได้ความหวานที่ชัด ในขณะที่ความเปรี้ยวก็ยังคงอยู่แต่จะไม่เด่นมาก สำหรับ Strawberry Field ก็นับเป็นกาแฟไทยตัวท็อปที่ใครหลายๆคนชื่นชอบ ส่วนตัวผมสั่งกาแฟจากโรงคั่วกาแฟปรีดามาลองเกือบครบทุกแบบแล้ว กาแฟที่นี่คุณภาพดีมากๆครับ พิกัดสั่งกาแฟ ->  https://s.shopee.co.th/8Ut0KfrkMO The best of Preda - Strawberry Field สูตร "Sweet Strength 45" ใช้สัดส่วน 1:15 อุณหภูมิน้ำ 88c กาแฟ Preda Strawberry Field 20g. น้ำ 300g. อุปกรณ์ Hario V60 Dripper 02 บดด้วยเครื่องบดมือ Jack จากร้าน A cup of Joe  ปรับความละเอียด 19 คลิก ได้ Grind Size ใกล้เคียงกับขนาดน้ำตาลทราย 1. ล้างกระดาษกรองด้วยน้ำร้อน เทน้ำทิ้ง ใส่ผงบด 20g. แล้วกด tare 2. [00:00] เริ่มจับเวลา รินน้ำแรก (bloom) 45g. รอจนครบ 45 วินาที  3. [00:45] รินน้ำที่ 2 วนไปอย่างต่อเนื่องเป็นก้นหอยจากกลางออกนอกและวนกลับเข้ากลาง ปริมาณ 75g. ...

ถือเป็นเรื่องไม่บ่อยนักที่ผมจะได้โอกาสไปลองร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ เพราะส่วนตัวขี้เกียจรอคิวและไม่ชอบคนเยอะ สำหรับร้าน Sushiro ก็เป็นร้านซูชิสายพานชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่นและมีในหลายประเทศในเอเชียด้วย ก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เวลามีร้านดังๆจากญี่ปุ่นมาเปิดที่ไทย มักจะได้รับความนิยมแบบถล่มทลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิดแบบนี้ ขาเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องการอะไรแบบนี้มาเยียวยาจิตใจให้หายคิดถึงบ้าง Sushiro's Akami Sushi ผมคงโชคดีที่เป็นคนแรกๆที่เข้าไปเจอโพสท์เรื่องการจองผ่านแอพพอดี ว่าแล้วก็ไม่รอช้า โหลดแอพ ลงทะเบียน แล้วจองทันที เล็งว่าจะไปกินวันเสาร์เที่ยง จองไว้เป็นวันเสาร์ช่วง 11:30-11:45   ตอนกดเข้าไปคือว่างมาก เลือกได้ทุกวันทุกรอบเลย (ตอนนี้เห็นว่าต้องรอกันข้ามสัปดาห์ไปแล้ว) คิวยาวอย่างที่คาด อันนี้คือคิวรอรับบัตรคิวนะ ผมไปถึงร้านตอนใกล้ๆ 11:30 เจอแถวยาวมาก  เดินไปที่หน้าร้านก็งงว่าต้องไปต่อคิวอีกหรือเปล่า เพราะไม่มีป้ายบอกที่รับคิวจากแอพ  เลยถามพนักงาน เขาบอกให้เดินเข้าไปติดต่อข้างใน ซึ่งก็คือจุดเดียวกับพนักงานที่รันคิวให้ walk-in ก็เข้าไปถามอีกครั้งว่าต้องทำยังไง...

นี่คือร้านราเมนที่ผมกินบ่อยที่สุด!?! ใช่แล้วครับ...วันนี้ผมจะมารีวิวร้านราเมนที่ผมคิดว่าเคยแวะมากินบ่อยที่สุด ไม่ได้จะบอกว่าที่นี่อร่อยที่สุด แต่มันมีเหตุผลหลายๆอย่างที่ทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านที่ผมแวะบ่อยที่สุด ร้านนี้คือ " ทัน ทัน เมน " นั่นเอง~~ Tan Tan Men: Chahung with Gyoza ... ทันทันเมน คือหนึ่งในร้านราเมนที่เปิดมายาวนานในย่านพร้อมพงษ์ หนึ่งในย่านยอดนิยมสำหรับคนญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 33/1 ที่เหมือนเป็นแหล่งรวมร้านอาหารญี่ปุ่นย่อมๆและมีฟูจิซูปาที่คนญี่ปุ่นนิยมมาจับจ่ายซื้อของกัน หน้าร้านทันทันเมน ความโดดเด่นของทันทันเมน คือเป็นร้านราเมนที่มีเมนูสไตล์อาหารจีน ให้อารมณ์เหมือนการแวะไปกินร้านราเมนใน china town ของ yokohama นี่จึงทำให้ทันทันเมนค่อนข้างมีเอกลักษณ์ และมีความแตกต่างจากร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าๆที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ผมเคยนั่งคิดเหตุผลว่า ทำไมทันทันเมนจึงเป็นร้านราเมนที่ผมแวะมากินบ่อยที่สุด? ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเพราะ... 1. ความสมดุลระหว่าง ราคา ปริมาณ คุณภาพ และทำเล จะมีอะไรดีไปกว่าราเมนชามยักษ์ ในย่านสุขุม...

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ฮอกไกโด คือภูมิภาคหนึ่งของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ทั้งรสชาติและวัตถุดิบที่มีคุณภาพและเป็นเอกลักษณ์ แม้จะเคยไปเยือนฮอกไกโดมาเพียง 2 ทริป แต่ก็กลายเป็นทริปที่กินจนตัวแตกทั้ง 2 ทริปเลย นี่จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเขียนตอนนี้ขึ้นมา เพื่อรีวิวแบบสั้นๆเร็วๆเฉพาะของกินจากทริปฮอกไกโด ซึ่งจะเริ่มจากทริปแรกในช่วงหน้าร้อนปี 2017 (อ่านรีวิวแบบลวกๆของทริปฮอกไกโดครั้งแรก ได้ที่นี่ ) คำเตือน: การให้คะแนนและคำวิจารณ์เป็นความเห็นส่วนบุคคล โปรดอย่าเชื่อ อยากกินก็กิน อยากลองก็ลอง อย่าคิดมาก 1. Gotoken Hakodate Curry EXPRESS:  แกงกะหรี่ร้านดังจากฮาโกดาเตะ สาขาป้อม Goryōkaku ข้าวดี แกงเข้มข้น รสชาติโดยรวมงั้นๆ ไม่ได้พิเศษอะไร ผักดองและซอสที่คล้ายๆน้ำมันพริกจัดว่าดี ราคาแพงอยู่เมื่อเทียบกับแกงกะหรี่ทั่วไป ใครชอบเค้ามีขายแบบเป็นซองกลับไปอุ่นกินได้ด้วย (3/5) Gotoken Hakodate Curry EXPRESS 2. MILKISSIMO:  ไอศครีมเจลาโต้รสชาเขียว อันนี้อร่อย ถือว่าผ่านตามมาตรฐานของหวานจากฮอกไกโด เนื้อเหนียวหนุบกินเพลิน (3...

ถ้าพูดถึงอาหารเวียดนามแล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึงเมนู "เฝอ" เป็นอันดับต้นๆ ส่วนตัวผมเอง อันที่จริงแล้วก็เคยมีโอกาสแวะประเทศเวียดนามบ้างเป็นบางครั้ง แต่นั่นเป็นแค่การรอต่อเครื่องอยู่ที่สนามบินเท่านั้น ผมมักจะมองหาร้านเฝอที่สนามบินทานระหว่างรอต่อเครื่อง การได้ทานเฝอร้อนๆในยามดึกนี่มันช่วยให้รู้สึกอิ่มและฟินจริงๆครับ ผมเริ่มติดใจเฝอและคิดว่าถ้าวันหนึ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวเวียดนาม นอกจากจะไปตระเวณกินเฝอแล้ว ยังมีความคิดว่าจะมองหาเฝอกึ่งสำเร็จรูปหิ้วกลับมากินที่ไทยด้วย และเมื่อกลางปีที่แล้วผมได้มีโอกาสไปดูงานเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามที่โฮจิมินห์ จากการเดินสำรวจตามซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วพบว่า เฝอกึ่งสำเร็จรูปนั้นมักจะมีแต่แบบซองและแบบต้องต้มเส้นนานๆ ยังไม่เจอเฝอที่เป็นแบบถ้วยหรือแบบ instant cup noodle จริงๆ จนมาเจอที่ร้าน PHO24 ซึ่งเป็นร้านเชนดังที่อยู่ในห้างฯ(ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่แถบ SEA และ AP นี่ลุ้นให้มี partner มาเอาเข้ามาเปิดในไทยอยู่เหมือนกัน) และพบว่าเขาทำแบบ instant cup ขายที่ร้านด้วย ตอนนั้นมีโปรโมชั่นซื้อ 6 แถม 1 ด้วยนะ แต่จำราคาไม่ได้แล้ว มาลองด...

เดิมทีผมเป็นคนที่ชื่นชอบในการลองกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากญีปุ่นอยู่พอตัว เพราะด้วยไซส์ที่กินแล้วอิ่มจริงจัง ความเป็นต้นตำรับแห่งบะหมี่ถ้วย ตลอดจนการรังสรรค์รสชาติที่หลากหลาย ทำให้เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นทีไร ต้องซื้อกลับมาลองให้ได้ทุกที สำหรับวันนี้ได้มีโอกาสชิมยากิโซบะกล่องยักษ์ของเมียวโจ้ครับ ชื่อเต็มของมันก็คือ " Myojo ippei-chan yomise no yakisoba " (明星 一平ちゃん夜店の焼そば 大盛 ピザマヨ味) ซึ่งมันคือ ยากิโซบะรสพิซซ่ามาโย นั่นเอง!!! สปอนเซอร์ในการชิมคราวนี้เกิดจากแฟนผมไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วซื้อมาฝากครับ ซึ่งเธอเป็นแฟนคลับตัวยงของ Yuka Kinoshita สาวตัวเล็กนักกินจุชาวญี่ปุ่น ที่อัดคลิปทำภารกิจกิน(จน)คลีนลง Youtube หลากหลายเมนู หนึ่งในนั้นก็คือยากิโซบะราดมายองเนสนั่นเอง ซึ่งเธอแดกไป 10 กล่องถ้วน แถมยังบีบมายองเนสเพิ่มด้วยจ้าาา =_=" (ดูคลิปประกอบด้านล่าง) ก่อนที่ผมจะลงมือแกะกล่อง พบว่าเจ้ายากิโซบะกล่องนี้มีน้ำหนักเส้น 130 กรัม (น้ำหนักสุทธิ 165 กรัม) ถ้าใครนึกไม่ออกว่ามันปริมาณขนาดไหน ให้ลองเทียบง่ายๆจากมาม่าบิ๊กแพคดูครับ ซึ่งน้ำหนักสุทธิคือ 90 กรัม ดังนั้น ถ้าใครกิน...

ได้มีโอกาสไปลองมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อันที่จริงก็เล็งไว้ก่อนหน้านั้นนานพอสมควร สำหรับ "kushikatsu" อาจจะเป็นอะไรที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย มันก็คือของที่เอาไปเสียบไม้แล้วชุบแป้งทอด มีให้เลือกหลายๆอย่างทั้งเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ กุ้ง ปูอัด ปลาหมึก แซลมอน หรือผักต่างๆ เช่น เห็ดหอม หอมใหญ่ ฟักทอง เป็นต้น เวลากินก็จะจิ้มกับซอส(รสชาติประมาณที่ใช้จิ้มกับตอนกินทงคัคสึ) โรยด้วยพริกป่นหรือเกลือรสชาติต่างๆตามใจชอบ หากไม่ใช่คอ izakaya จริงๆก็จะรู้สึกว่ามันเลี่ยนไปหน่อย แต่ถ้ามีหลายๆอย่างให้เลือก แล้วกินแกล้มเบียร์สดจะสามารถกินได้เรื่อยๆเลยครับ ที่ร้าน Sake no mise มีบุฟเฟต์ kushikatsu หัวละประมาณ 700 บาท (จำราคาเป๊ะๆไม่ได้แล้วครับ แนะนำให้ลองตรวจสอบกับทางร้านอีกทีว่ามีปรับราคาใหม่หรือยัง) อยู่ที่ ชั้นใต้ดินของตึก wall street ถนนสุรวงศ์ สามารถลง BTS ศาลาแดง แล้วเดินตัดซอยธนิยะมาจนสุดได้เลยครับ ( ระวังเข้าผิดร้าน เพราะจะมี sake no mise อีกสาขาใกล้ๆกัน จะเป็น izakaya ที่ขาย a la carte อย่างเดียว ) คำเตือนครับ ปรับโหดมาก อย่าสั่งมาจนเหลือล่ะ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับบุฟเฟต...