Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ คลิกที่นี่

[EAT025] รีวิว Sushiro(ซูชิโร) at CentralWorld ครั้งแรกในเมืองไทย!

ถือเป็นเรื่องไม่บ่อยนักที่ผมจะได้โอกาสไปลองร้านที่เพิ่งเปิดใหม่
เพราะส่วนตัวขี้เกียจรอคิวและไม่ชอบคนเยอะ
สำหรับร้าน Sushiro ก็เป็นร้านซูชิสายพานชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่นและมีในหลายประเทศในเอเชียด้วย

ก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เวลามีร้านดังๆจากญี่ปุ่นมาเปิดที่ไทย มักจะได้รับความนิยมแบบถล่มทลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิดแบบนี้ ขาเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องการอะไรแบบนี้มาเยียวยาจิตใจให้หายคิดถึงบ้าง

Sushiro Akami Sushi
Sushiro's Akami Sushi

ผมคงโชคดีที่เป็นคนแรกๆที่เข้าไปเจอโพสท์เรื่องการจองผ่านแอพพอดี
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า โหลดแอพ ลงทะเบียน แล้วจองทันที
เล็งว่าจะไปกินวันเสาร์เที่ยง จองไว้เป็นวันเสาร์ช่วง 11:30-11:45  
ตอนกดเข้าไปคือว่างมาก เลือกได้ทุกวันทุกรอบเลย (ตอนนี้เห็นว่าต้องรอกันข้ามสัปดาห์ไปแล้ว)


Sushiro long queue in Thailand
คิวยาวอย่างที่คาด อันนี้คือคิวรอรับบัตรคิวนะ

ผมไปถึงร้านตอนใกล้ๆ 11:30 เจอแถวยาวมาก 
เดินไปที่หน้าร้านก็งงว่าต้องไปต่อคิวอีกหรือเปล่า เพราะไม่มีป้ายบอกที่รับคิวจากแอพ 
เลยถามพนักงาน เขาบอกให้เดินเข้าไปติดต่อข้างใน ซึ่งก็คือจุดเดียวกับพนักงานที่รันคิวให้ walk-in
ก็เข้าไปถามอีกครั้งว่าต้องทำยังไงบ้าง เขาก็บอกให้รอเรียกคิว
การรันคิวที่นี่จะรันสลับกันระหว่างที่จองผ่านแอพและ walk-in นะครับ
ดังนั้นถ้าช่วงคนเยอะมากๆ ต่อให้ไปตรงเวลาที่จองก็อาจต้องรออีกสักพักถึงจะได้โต๊ะ

Sushiro queue board
ถ้า walk-in นอกจากจะรอแถวรับบัตรคิวยาวแล้ว ยังต้องรอคิวอีก 3 ชม.เลยรึ...


ยืนรอไปประมาณ 10 นาที เห้ย...เลขคิวมันข้ามเลขเราไปเฉยเลย!
รีบเดินไปบอกพนักงาน เค้าก็ทำหน้าแบบงงๆ แล้วไปดึงคิวในระบบคืนมาให้

(เรากลับมาคิดดู เหมือนว่าแอพมันจะให้เราเช็คอินก่อนเมื่อถึงร้าน แต่พนักงานไม่ได้บอกอะไรว่าต้องเช็คอินยังไง แต่บอกให้ยืนรอเรียก พอเวลาผ่านไปสักพักมันเลยคิดว่าเราไม่มาเอาคิวเลยข้ามไปอะไรงี้มะ?)

จากนั้นพนักงานจะบอกเบอร์โต๊ะและให้บัตรจ่ายเงินมาให้
พอเดินมานั่งก็จะมีพนักงานมาแนะนำขั้นตอนให้โดยละเอียด
อันนี้ถ้าใครเคยกินร้านซูชิสไตล์นี้มาแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เพราะทุกอย่างก็ทำผ่าน tablet หรือบริการตัวเองเป็นหลัก (ช่างเหมาะกับชาว introvert ที่แท้ทรู)
การตกแต่งและ layout การวางนี่ถอดแบบของญี่ปุ่นมาเลย
สิ่งที่ชอบของการมากินร้านซูชิสายพานแบบนี้ก็คือ ชาเขียวฟรีแบบเติมเองกดเองได้นี่แหละ!

Sushiro table
At your station


เรากดดูเมนูใน tablet เพื่อจะเริ่มสั่ง แต่ก็พบว่าสั่งไม่ได้จ้า! 
เจอหน้าจอแจ้งว่าตอนนี้คนเยอะมาก ทำไม่ทัน ให้รอไปก่อน สั่งได้เฉพาะขนม เครื่องดื่ม หรือ side dish เท่านั้น

Sushiro Tablet Thai
come on!

มีความงงนิดๆ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะสั่งได้ ก็เลยลองสั่งไก่คาราอาเกะกับน้ำอัดลมมากินเล่นก่อน
น้ำอัดลมเป็นแบบรีฟิล กดสั่งไปแล้ว สักพักพนักงานจะเอาแก้วใส่น้ำแข็งมาให้เดินไปกดเอง
ระหว่างรอว่าจะสั่งซูชิได้เมื่อไหร่ ก็เหลือบไปเห็นอิคุระ(ไข่ปลาเซลมอน)กับแตงกวาบนสายพานล่างผ่านหน้ามาพอดี เลยต้องรีบคว้าไว้ก่อน (กลัววันนี้จะไม่ได้กินซูชิจริงๆ)

Sushiro Ikura
Ikura (ไข่ปลาแซลมอน) ที่หยิบมาจากสายพานล่าง จานนี้ 40 บาท

นั่งไล่ดูเมนูสักพักก็พบว่าหน้าซูชิมันเปิดให้สั่งได้แล้ว! 
รีบกดโอโทโร่ไป 4 คำ (ได้สูงสุด 4 จานต่อครั้ง) กดส่งปุ๊ป เมนูปิดทันที สั่งอะไรต่อไม่ได้ ต้องรอไปอีกเช่นเคย -_-"

รอไปอีกสักพัก ตอนนี้เมนูซูชิสั่งได้แล้ว เมนูมีตัวเลือกเยอะหลากหลายดี
เอาจริงๆควรจะเล็งมาก่อนเลยว่าชอบกินอะไรหรืออยากกินอะไรบ้าง
ถ้าดูไปกดไปนี่น่าจะโดนไปเยอะอยู่
ระหว่างสั่งล็อตถัดๆไป โอโทโร่และอากามิที่สั่งไปก็ทยอยมาถึงสายพานชั้นบน (จะเป็นสายพานทางด่วน ที่จะพาออเดอร์ที่เราสั่งมาจอดที่เลนโต๊ะเรา)

ที่โต๊ะจะมีขวดโชยุให้ ถ้วยโชยุอยู่ข้างบน แต่ไม่มีวาซาบิ
ต้องรอวาซาบิ ซึ่งจะเป็นซองเล็กๆวนมากับสายพานด้านล่าง ถ้าใครชอบกินวาซาบิก็ให้มองๆไว้ตั้งแรกแล้วหยืบมาเผื่อไว้เลย

...

ระหว่างที่กินถ้าจะสั่งเพิ่ม เราก็สามารถเช็คดูได้ว่าออเดอร์ที่สั่งไปได้รับครบแล้วหรือยัง

ก็มาเจอว่ามี อุนางิ และ อานาโกะ ที่กดสั่งไปพร้อมกันยังไม่ได้ แต่ในระบบดันขึ้นว่าได้รับแล้ว!?
เห้ย! ทำไมทำกันแบบนี้...เลยกดเรียกพนักงานมาแล้วอธิบายให้ฟัง
พนักงานก็เลยวอเรียกในครัวให้รีบทำมาให้ แล้วสักพักก็หยิบมาเสริฟเองที่โต๊ะเลย
พนักงานก็ขอโทษแบบสุดๆเหมือนกัน ก็ต้องชื่นชมว่าแก้ปัญหาได้รวดเร็วและบริการดีมากนะ

...

ความเห็นของเราจากซูชิที่สั่ง:

ข้าว - ก่อนหน้านี้เจอคนรีวิวเยอะว่าข้าวแข็ง มาลองเองก็พบว่ามันก็ค่อนข้างแข็ง แต่ไม่ได้มากขนาดแบบกินไม่ได้นะ แต่ที่ไม่ชอบเลยคือข้าวมันแตกง่ายมาก แค่ตะเกียบคีบก็แตกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนจิ้มโชยุเลย ต้องระวังมากๆ ไม่งั้นข้าวจะแผละลงในถ้วยโชยุอย่างรวดเร็ว

ขนาด - ค่อยๆสั่ง อย่าวู่วาม เพราะข้าวคำใหญ่มาก ไม่สมส่วนกับขนาดชิ้นปลา

การปั้น - อันนี้คืออีกสิ่งที่ควรปรับปรุง เพราะแทบทุกคำที่สั่งมาคือชิ้นปลาหลุดจากข้าวง่ายมาก เข้าใจว่าออเดอร์ล้นเลยทำให้คุณภาพการปั้นลดลง?

โอโทโร่ - อันนี้เทียบคุณภาพกับราคา 40 บาทก็ถือว่าคุ้มมาก แต่มาตายเอาเรื่องขนาดของชิ้นปลาที่ไม่ได้มาตรฐาน สั่งมา 4 คำ มีคำที่ชิ้นหนาอยู่คำเดียว อีก 2 คำก็บางๆหน่อย แต่มีคำนึงที่บางมากๆแทบจะเป็นกระดาษ A4 ไปแล้ว

Sushiro Ootoro sushi
โอโทโร่ซูชิ คำละ 40 บาท

อากามิ - อันนี้เราว่าดีเลย สมกับ signature ของ Suhiro ดีกว่าที่คาดไว้ เนื้อนุ่มดี แต่แนะนำว่าสั่งอากามิปกติก็โอเคแล้ว เพราะได้ลองสั่งแบบ blue fin akami จานละ 60 บาทได้ 1 ชิ้น มาลอง พบว่ามันไม่ต่างกันเลย

โฮตาเตะ - อันนี้โอเค ใช้ได้ ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ทำไมเหลือบไปเห็นจานที่วิ่งบนสายพานของคนอื่นเค้ามันตัวใหญ่กว่าเรามากเลย อันนี้คิดว่าวัดดวงนิดนึง

ไก่คาราอาเกะ - ขนาดพอดีคำ มาแบบอุ่นๆแบบไม่ได้ทอดใหม่ แต่ก็ไม่ได้เหนียวหรือเย็น กินเล่นเพลินๆได้

Sushiro Karaage Fried Chicken and Akami Sushi
ไก่ทอดคาราอาเกะและอากามิซูชิ

อิคุระ - ดีตามมาตรฐาน

อูนางิ และอานาโกะ - สั่งมาพร้อมกัน มาพร้อมกัน และไม่ผ่านทั้งคู่เลย

อากามิ ทสึเกะ (ดองโชยุ) - นัวๆเข้มข้น เค็มไปนิด แต่ก็โอเคนะ

ทาราโกะ - อันนี้ชอบมาก ให้เยอะเหมือนกันเมื่อเทียบกับข้าวและแตงกวาแกล้ม คนไม่ชอบอาจจะว่าเค็ม แต่เป็นปกติของไข่ปลาทาราโกะอยู่แล้ว จะดีมากถ้ามันเป็นเมนไทโกะ

เอ็นกาวะ - ปลาชิ้นบางและขนาดเล็กเกินไป 

ฮามาจิ - อันนี้ดีเลย ผ่าน! คิดว่าเป็นเมนูที่จะสั่งเบิ้ลถ้ายังกินไหว

คาตาลานา บรูเล่ - อันนี้ออกหวานไปหน่อย แต่ได้รสเข้มข้น กลิ่นชีสชัด กินแกล้มกับชาเขียวเข้มๆหรือกาแฟดำนี่จะเข้ากันมาก

วาราบิโมจิ - อร่อย กินเพลิน รสชาติไม่หวานมาก

ชงชาเขียวร้อนเข้มๆอีกแก้วมากินคู่ของหวานนี่เข้ากันมาก

กินจนอิ่มได้ที่แล้ว ก็กดเรียกพนักงานมานับจาน
พนักงานจะใช้เครื่องนับจานสแกนไปที่กองจานที่วางซ้อนๆกัน มันจะบอกเลยว่าเรากินจานราคาเท่าไหร่ไปกี่จานบ้าง แล้วเอาบัตรจ่ายเงินไปที่แคชเชียร์
จ่ายตังค์เสร็จก็จะได้บัตรสะสมแต้มด้วย ไว้แลกของพรีเมียมที่เป็นตัวมาสคอตของ Sushiro ได้ (น่ารักมาก อยากได้ทุกอย่างเลย)

โดยรวมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ให้ความรู้สึกเหมือนเที่ยวญี่ปุ่นทิพย์ไปก่อน
เข้าใจว่าช่วงนี้คนล้นมากๆ ทำให้มาตรฐานหลายๆอย่างยังไม่นิ่ง
แนะนำว่ารอให้คนหายเห่อกันเสียหน่อยแล้วค่อยกลับไปโดนอีกทีน่าจะดีกว่านะ.
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!