บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2017

Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[TRA015] เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก รีวิวแบบลวกๆ ตอนที่ 2: Otaru, Sapporo

รูปภาพ
เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก รีวิวแบบลวกๆ ตอนที่ 2: Otaru, Sapporo วันที่ 3: Otaru คลองโอตารุ (小樽運河) - ออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อนั่งรถไฟจาก Sapporo ไป Otaru ไปถึงก็ฝนตกพอดี จากสถานีเดินขึ้นไปนิดเดียวก็ถึงตลาดปลา Sankaku มาโดน kaisendon เป็นมื้อเช้า - Sanakaku เป็นตลาดปลาแบบซอยเล็กๆ เดินแป๊ปเดียวก็สุดแล้ว ฝั่งซ้ายจะเป็นร้านนั่งกิน kaisendon ฝั่งขวาจะเป็นแผงปลา ส่วนมากแผงปลาก็เป็นเจ้าของเดียวกับร้านนั่งกิน คือจิ้มเลยว่าอยากกินอะไร ตัวไหน แล้วให้ทางร้านทำให้กินได้เลย - เราเลือกเข้าร้านเหลือง Takeda เท่าที่ดูน่าจะใหญ่สุดในนั้นแล้ว มีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย - มาฮอกไกโดช่วงนี้ต้องไม่พลาด uni แน่นอน สั่งข้าวหน้า uni ล้วน มี 2 ชนิดอย่างละครึ่งในชามเดียว คือ uni ที่จับจาก otaru และ uni แบบหนามสั้นทั่วๆไป สีต่างกัน ความ creamy จะต่างกัน ส่วนตัวชอบแบบของ otaru มากกว่า แต่ทั้งหมดก็สดและอร่อยกว่าที่ hakodate - อิ่มแล้วก็เดินต่อ จากสถานีก็เดินออกไปเรื่อยๆมุ่งสู่คลอง otaru ฝนตกลงมาหนักมาก มีหมอกลง ทำให้การเดินเลียบคลองดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่ก็มาหยุดถ่ายรูปได้แถวๆสี่แยกตรงสะพานข้างคลอง

[TRA014] เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก รีวิวแบบลวกๆ ตอนที่ 1: New Chitose, Hakodate, Sapporo

รูปภาพ
ถึงผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่นมาหลายรอบแล้ว แต่นี่ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ไปฮอกไกโดครับ และเนื่องจากเป็นการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ทำให้ความพิเศษของทริปนี้คือการขับรถเที่ยวเมืองแห่งทุ่งดอกไม้อย่าง Biei และ Furano ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของผมเช่นกัน กับการขับรถในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากผมดองต้นฉบับเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นไว้เยอะมาก เพราะใช้เวลามากในการเขียนแต่ละตอน คราวนี้เลยอยากลองเขียนรีวิว " ฉบับลวกๆ " เก็บเอาไว้ก่อน เผื่อใครจะไปหรืออยากรู้ภาพรวมว่าเป็นยังไงบ้าง ก็เอาไปอ่านเล่นๆแก้ขัดก่อนได้ครับ *คำเตือน: รีวิวต่อไปนี้เป็นความเห็นและความรู้สึกส่วนตัวของผม ไม่ได้มีเจตนาชี้นำใดๆ โปรดอย่าเชื่อเอาไปเป็นข้อมูลอ้างอิงใดๆเด็ดขาด อ่านเอาสนุกๆก็พอนะจ๊ะ* ... วันที่ 1:  ป้ายบอกสภาพอากาศที่เคาน์เตอร์ tourist information ของสนามบิน การวาดด้วยลายมือแบบนี้แสดงถึงความตั้งใจที่ดีและดูน่ารักมากๆ สนามบิน New Chitose ไป Hakodate - ถือเป็นหายนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มทริป เพราะผมโดนการบิน ท. ยกเลิกไฟลท์ไปดื้อๆ แล้วย้ายไปให้บินวันถัดไปแทน นั่นหมายความว่าทริปผมโดนหั่นวันแรกไป 1 วัน - ซึ่งความตั้

[TRA013] เที่ยวเกียวโต: ชมซากุระที่วัด Nanzen-ji (南禅寺) และ Zenrin-ji (永観堂)

รูปภาพ
มาต่อกันอีก 2 วัดที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน จากบริเวณ Keage Incline ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที จะสามารถเข้ามาชมวัด Nanzen-ji (南禅寺) ซึ่งเป็นวัดเซน(Zen) ที่เก่าแก่และมีพื้นที่กว้างขวาง ตลอดทางเดินเข้าวัดถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ซุ้มทางเข้าวัด Nanzenji เข้ามาจะพบกับทางเดินทอดยาวไปสู่จุดที่นักท่องเที่ยวมาไหว้ขอพร บริเวณด้านหน้าของตัววัด Nanzenji มีต้นซากุระขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างตัววัด เมื่อเดินต่อไปด้านหลังของวัดจะพบกับท่อส่งน้ำที่ใช้ในสมัยโบราณ ลักษณะโครงสร้างเหมือนท่อส่งน้ำในยุคโรมัน พบมากในแถบยุโรป จากวัด Nanzen-ji เราเดินเลาะตามถนนเล็กๆด้านข้างวัด ซึ่งจะสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวเดินสวนกันอย่างต่อเนื่อง เพราะถนนเส้นนี้จะนำไปสู่ Philosopher's Path ซึ่งเป็นเส้นทางเดินยอดนิยมสำหรับการชมซากุระในเกียวโตนั่นเอง ระหว่างทางนั้น ฝั่งขวามือจะพบกับวัด  Eikando (永観堂) หรือ  Zenrin-ji ที่มีความโดดเด่นเป็นเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนเขา มีสวนที่สวยงามและโบสถ์ขนาดใหญ่  วัดนี้จะเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (เสียค่าเข้า 600 เยนนะ) มีสวนเล็กๆอยู่ใน

151

ไดอารีที่รัก... อันที่จริงแล้ว สมัยเรียนมหาลัยนั้น ผมเป็นคนที่ขี้เกียจเรียนพอสมควรเลยครับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะช่วงนั้นรู้สึกว่าตัวเองสนุกกับการใช้ชีวิตในมหาลัยมากกว่าการเรียนในห้อง อยากทำกิจกรรม อยากออกค่าย อยากเที่ยว อยากเล่นเกมส์กับเพื่อน อยากเล่นดนตรี ความอยากในการเรียนจริงๆเลยเป็นเรื่องรองลงไปมากๆ โดยเฉพาะช่วงปี 1-2 ที่วิชาเรียนนั้นยังไม่โฟกัสกับสิ่งที่อยากรู้เท่าที่ควร ... พอตอนปี 3-4 ผมเริ่มโฟกัสกับการเรียนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว  เริ่มกินนอนในห้องโปรเจค  มีหอพักไว้เก็บของและอาบน้ำอย่างเดียว ถึงอย่างนั้นแล้ว ผมก็ยังไม่ค่อยชอบเข้าเรียนอยู่ดี ที่บอกว่าโฟกัสมากขึ้นน่าจะเป็นเรื่องของการทำงานหรือโปรเจคในแต่ละวิชาเรียนมากกว่า บางทีนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่บอกอะไรตัวเองได้หลายอย่าง ผมพบว่าตัวเองไม่ชอบเรียนหนังสือแบบเน้นๆลงลึกๆ แต่ชอบที่จะลงมือทำงานมากกว่า และพอติดปัญหา สุดท้ายมันก็จะผลักดันให้เราไปเรียนเอง เพราะถ้ายังโง่อยู่จะไปต่อไม่ได้ ... ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเป็นแบบผมบ้างรึเปล่า แต่พอโตขึ้นมาใช้ชีวิตกับการทำงานจริง เรากลับอยากมีเวลาเรียนนู่นเรียนนี่เพิ่

150

ไดอารีที่รัก... เคยคิดไหมครับว่าตัวเองมีทักษะอะไรที่น่าภูมิใจบ้าง? ผมไม่ได้กำลังหมายถึงสิ่งที่ตัวเองเก่งหรือทำได้ดีนะครับ ความเก่งหรือความเชี่ยวชาญอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไหร่ ใจจริงแล้วมีบางอย่างที่ผมรู้สึกโชคดีและภูมิใจที่ทำเป็น ทักษะที่เกิดจากความชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เราเรียนรู้ด้วยตนเอง มักสร้างความสุขให้ผมได้เสมอ หรืออย่างน้อย มันอาจเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้นั่นก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ... ผมโชคดีที่พอเล่นดนตรีได้บ้างนิดหน่อย มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้รู้สึกมีคุณค่า ต้องขอบคุณพี่ชายและคุณพ่อของผมที่สนับสนุนให้ไปเรียนกีตาร์ตอนเด็กๆ ผมภูมิใจที่เพื่อนๆยังคงแวะเวียนมาถามเรื่องเล่นดนตรีและอยากฟังผมเล่นกีตาร์ในวงเหล้าเหมือนสมัยก่อน ผมดีใจที่พอทำอาหารทานเองได้บ้าง ต้องขอบคุณคุณแม่ที่ให้โอกาสผมเป็นลูกมือในครัวสมัยเด็กๆ ผมภูมิใจที่ยังพอทำอาหารให้คนอื่นกินในยามจำเป็นได้ (เช่น ปลากระป๋องผัดไข่ตอนไปออกค่ายบนดอย หรือกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาสำหรับกับแกล้มเบียร์ตอนตีสอง) ผมรู้สึกขอบคุณวันที่ผิดหวังในอดีต ที่กลายเป็นแรงผลักดันให้ศึกษาการลงทุนอย่า

[INV025] ความอดทนเพื่อสร้างความแตกต่าง

ผมรีบเปิดคอมเพื่อเขียนบทนี้ขึ้นหลังจากที่ได้ฟัง podcast เกี่ยวกับการลงทุนเน้นคุณค่ารายการหนึ่ง เพราะอะไรจะต้องรีบน่ะหรือ? เพราะนี่มันดึกมากแล้วและถ้าตัดสินใจไปนอน ผมอาจจะไม่ได้เขียนมันอีกเลย! (ผมเป็นคนขี้เกียจมากๆ) ... หัวข้อที่ผมฟังวันนี้เกี่ยวกับประมาณว่า..." เราจะพิจารณาความไม่แน่นอนหรือวิกฤตต่างๆของตลาดเพื่อเปลี่ยนเป็นโอกาสได้อย่างไร?" ไม่ว่าจะปรมาจารย์อย่าง Warren Buffett หรือแม้แต่ Benjamin Graham ต่างก็มีความสามารถเช่นนี้อยู่ทั้งนั้น นั่นคือ "กล้าในเวลาที่คนอื่นกำลังกลัว" แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าต้องกล้าแบบบ้าบิ่น คิดจะทำอะไรก็ทำได้หมดทุกอย่าง หากแต่เป็นความกล้าและตัดสินใจด้วยเหตุผลที่เข้าใจด้วยตนเอง ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังแห่เชื่อตามกันไปในทางตรงข้าม ทำไมต้องด้วยตนเอง? เพราะนักวิเคราะห์เอย นักข่าวเอย เซียนต่างๆเอย ต่างมีจุดประสงค์ของการเป่าหูพวกเราอยู่ทั้งนั้น พวกเขาอาจทำงานให้กับธนาคารหรือโบรคเกอร์ หรือแม้กระทั่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้บริหารสักคนในบริษัทจดทะเบียนก็เป็นได้ เราสามารถฟังความเห็นจากทุกคนเพื่อพิจารณาได้ แต่จงตัดสินใจด้วยตนเองคน

[INV024] ข้อคิดจากการลงทุนของผม ประจำปี 2016 (2559)

กลับมาเจอกันเช่นเคยเมื่อขึ้นปีใหม่ กับการสรุปข้อคิดและผลจากการลงทุนของผมในปีที่ผ่านมา (2559) ก่อนอื่น มาดูผลงานกันก่อนเลย... ผลตอบแทนตลาดโดยรวม SET TRI: 23.85% ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: 20.93% ผลตอบแทน SET Index: 19.39% ผลตอบแทน SET50 Index: 18.60% ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: 18.70% ชัดเจนนะครับ ปีนี้ผมแพ้ตลาดไปประมาณ -3% และ -0.7% ตามลำดับ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่แพ้ตลาด (ก่อนหน้านั้นก็เคยแพ้นะ แต่ยังไม่ได้บันทึกไว้) นี่คืออีกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยอยากจะพูดหรือแนะนำเรื่องหุ้นรายตัว เพราะฝีมือผมมันยังไม่ถึงจะไปสอนหรือแนะนำใครได้ เช่นปีนี้ ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการลงทุนเลย แล้วเอาเงินไปซื้อกองทุน SET Index คุณก็จะได้ผลตอบแทนดีกว่าที่ผมพยายามมาทั้งปี ง่ายและสบายกว่ากันเยอะเลย ... ผมลองนั่งนึกดูว่าทำไมปีนี้ถึงแพ้ตลาด ก็พอสรุปได้เป็น 2 ข้อหลักประมาณนี้ครับ 1. ปีนี้ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้ หุ้นหลายตัวที่แพงแล้วในมุมมองของผม ก็ยังจะแพงขึ้นไปได้อีก ทำให้เป็นโอกาสดีสำหรับผมในการโละหุ้นบางตัวออกบางส่วนเพื่อเพิ่มสัดส่วนเงินสดให้มากขึ้น จากที่ปีก่อ