Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[INV026] ข้อคิดจากการลงทุนของผม ประจำปี 2017 (2560)

กลับมาเจอกันเช่นเคยเมื่อขึ้นปีใหม่ กับการสรุปข้อคิดและผลจากการลงทุนของผมในปี 2017 ที่ผ่านมา (2560)
ก่อนอื่น มาดูผลงานกันก่อนเลย...

ผลตอบแทนตลาดโดยรวม SET TRI: 17.30%
ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: 24.37%

ผลตอบแทน SET Index: 13.66%
ผลตอบแทน SET50 Index: 17.65%
ผลตอบแทน SET100 Index: 16.75%
ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: 23.02%

ปีนี้ก็กลับมาชนะตลาดได้อีกครั้ง โดยพลิกกลับมาชนะตลาดและนำห่างออกไปได้ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา

ปี 2017 เป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้มากเหมือนกับค่าเฉลี่ยของเมื่อสมัยก่อน แต่ก็ยังพิสูจน์ตัวมันเองได้ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนทางเลือกอื่น

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า "การหาโอกาสทำผลตอบแทนที่จะชนะตลาดได้เริ่มยากขึ้นกว่าแต่ก่อน" ตลาดหุ้นไทยดูจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก และเทรนด์การลงทุนผ่านกองทุนรวมก็จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งมันก็อาจจะไม่คุ้มที่เราจะต้องทุ่มเทเวลาจำนวนมากเพื่อเฟ้นหาหุ้นดีๆที่ต่ำกว่ามูลค่าให้ได้สักตัวหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นอีกปีที่ทำให้คนที่ยังไม่เริ่มลงทุนนั้นรู้สึกเสียโอกาสไปมากพอสมควร เพราะ SET Index กำลังทดสอบจุดสูงสุดในประวัติการณ์ (ซึ่งทะลุไปแล้ว ณ เวลาที่เขียนนี้)

ผมเคยบ่นกับตัวเองและคนรอบข้างว่า ผมรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านไป หากรู้จักและเริ่มต้นการลงทุนให้เร็วกว่านี้สัก 4-5 ปี พอร์ตของผมคงให้ผลตอบแทนที่มากกว่านี้หลายเท่าตัว
ทุกอย่างมันเป็นจริงไปตามหลักแก้ว 3 ดวง ที่ดร.นิเวศน์มักจะย้ำบ่อยๆ ยิ่งอยู่ได้นานกว่าคนอื่นก็ยิ่งได้เปรียบ ถ้าเริ่มช้ากว่าคนอื่นแถมคนธรรมดาแบบเราๆ ทำงานแบ่งเงินเดือนมาลงทุนทุกเดือน ไม่ได้มีมรดกเงินถุงเงินถังมาเริ่มต้น ก็จะยิ่งเหนื่อยหนักเป็นพิเศษที่จะต้องแสดงฝีมือทำผลตอบแทนให้ได้สูงกว่าคนทั่วไป

ต่อไปนี้คือข้อสรุปที่ผมได้เรียนรู้จากปี 2017:

1. อันที่จริงปี 2017 ที่ผ่านมาผมสังเกตว่ามีรายการเคลื่อนไหวในพอร์ตน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนพอสมควร อาจเป็นเพราะการปรับพอร์ตที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเมื่อปีก่อนนั้นเพียงพอแล้ว สิ่งที่ทำก็เหลือแค่รอคอยให้มันออกผลอย่างที่เราคาดการณ์ไว้
อีกประการหนึ่งก็เพราะปี 2017 นี้ผมแทบไม่มีเวลาได้ติดตามตลาดหุ้นมากเท่ากับที่ผ่านๆมา ด้วยงานที่มากขึ้นและแบ่งเวลาไปออกกำลังกายมากขึ้น เลยไม่ได้ตามติดหรือเจาะลึกได้มากพอสมควร ก็ยังรู้สึกโชคดีในบางส่วนที่เคยใช้เวลาศึกษาธุรกิจหลายตัวในพอร์ตไปแล้ว ที่เหลือก็คือรอจังหวะที่ดีในการเก็บสะสมหุ้นเพิ่ม

2. หุ้นที่คุณภาพดีก็ยังคงเทรดที่ราคาแพงอยู่เสมอ ผมตกรถไปเยอะจนรู้สึกชินและไม่ได้คิดว่ามันแย่อะไร กลับกันคือถ้ารู้ตัวว่าตกรถ กลับต้องยิ่งศึกษาและติดตามธุรกิจมันให้มากขึ้น เพราะบางครั้งจะมีคนแห่เข้าไป อวยเข้าไป จนมันเทรดกันที่ความคาดหวังสูงมากๆ เมื่อผลประกอบการออกมาไม่ดีพอ ผู้คนก็แห่ขายทิ้ง บางทีราคาอาจลงไปลึกมากกว่าที่เราคาดการณ์ ดังนั้นถ้าทำการบ้านมาดี เราก็จะตัดสินใจได้ว่านี่คือโอกาสหรือนี่คือสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง

3. กลยุทธ์ที่ผมเริ่มนำมาใช้บ่อยขึ้น คือการประเมินความเสี่ยงก่อนการทำนายการเติบโต
บ่อยครั้งที่ข่าวหรือนักวิเคราะห์ใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อทำนายความสำเร็จให้ดูน่าตื่นเต้น แต่น้อยคนที่จะประเมินมาให้ชัดว่า ณ มูลค่าปัจจุบันนี้ มันมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน อย่าลืมที่จะใส่ Margin of Safety เสมอ ทั้งในกระดาษที่เราคำนวณ และทั้งในใจของเราขณะกำลังกดปุ่ม "ซื้อ"

4. กลุ่มโรงพยาบาลและท่องเที่ยวก็ยังโตของมันได้เรื่อยๆแม้จะไม่ได้โตอะไรมาก ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายของการท่องเที่ยวยังเห็นแนวโน้มที่สูงได้เรื่อยๆเช่นเคย การเลือกลงทุนในธุรกิจที่โตไปตามเทรนด์ได้ ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้เยอะกว่าการไปลุ้นกับธุรกิจที่เห็นกำไรโตเยอะๆแค่ชั่วคราวแต่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ประสบภาวะยากลำบาก

5. สำหรับธุรกิจที่ให้บริการด้านการเงิน ปีที่ผ่านมาเห็นผลการเติบโตแบบก้าวกระโดด การขยายช่องทางบริการ การเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ การซื้อกิจการ การเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อให้เอื้อต่อการเติบโตในอนาคต การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุน การขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ เราสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นจาก 2-3 ปีก่อนหน้านี้ สิ่งที่ต้องระวังคือการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ หรือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าวการจับมือกับ partner นอกอุตสาหกรรมเพื่อตอบโจทย์กับ lifestyle คนรุ่นใหม่มากขึ้น ทุกอย่างมาเร็วและไปเร็วกว่าที่เราคาดการณ์เสมอ

6. ส่วนหุ้นค้าปลีกที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ก็ยังคงแสดงผลงานออกมาได้ดี ทนทาน และทิ้งห่างคู่แข่งได้เช่นเคย

สำหรับปี 2018 นี้ ผมคงจะติดตามเรื่องหุ้นในไทยได้น้อยลง เพราะเริ่มจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามแล้ว
ความรู้สึกเหมือนได้ reset ตัวเองใหม่ มีความกลัว และมีความอยากรู้อยากเห็นไปหลายๆเรื่อง
คงต้องใช้เวลากับมันให้มากขึ้น อ่านให้เยอะขึ้น มันเหมือนเป็นอีกโลกที่ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ แต่ก็สนุกดี(อันนี้สำคัญมาก)

หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ผู้อ่านจะได้เริ่มต้นสิ่งดีๆไปด้วยกันนะครับ.

"เหตุผลที่เราล้มเหลวในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไม่เก่ง เหตุผลเดียวคือเรายังฝึกฝนไม่พอ"

ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน