[INV040] Personal Investment Strategy สำหรับตัวผมเองในปี 2023
สำหรับโพสต์นี้จะขอสรุปไว้เป็นการจดบันทึก Personal Investment Strategy สำหรับส่วนตัวของผมเอง ที่คาดว่าจะจัดการภายในปี 2023 นี้
แชร์ไว้เป็นไอเดียเผื่อใครเอาไปต่อยอด แต่ขอย้ำว่าไม่ควรทำตาม เพราะเป็นมุมมองและความเห็นส่วนบุคคลล้วนๆเลยครับ ซึ่งผมใช้กับการจัดการส่วนของตัวเองเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ผมให้บริการลูกค้าอยู่ ซึ่งมีการแบ่งแยกเป็นคำแนะนำและการวางแผนจากต้นสังกัดอย่างชัดเจนครับ
...
1. พอร์ตหุ้นไทย - ปีนี้หุ้นไทยค่อนข้าง underperform เมื่อเทียบกับต่างประเทศค่อนข้างชัดเจน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองค่อนข้างมาก ส่วนตัวผมยังคาดหวังว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อาจจะยังพอเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปลายปีบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในแนวโน้มการเติบโตระยะยาว ผมก็ไม่ได้คิดจะเพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทยอีกแล้ว
สิ่งที่ทำในปีนี้ก็ยังคงเน้นขายออกในบางตัวที่มีกำไร สลับบางส่วนมาเก็บหุ้นปันผลแทนบ้าง และเก็บเพิ่มเพียงไม่กี่ตัวที่พื้นฐานดีอยู่และมีเวลาติดตามบ้างเท่านั้น
เมื่อเราอายุมากขึ้นก็เริ่มมีมุมมองการลงทุนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน การติดตามหุ้นรายตัวของผมแทบจะไม่สามารถทำได้ดีอีกแล้ว เหมือนที่เคยทำได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แนวโน้มตอนนี้จึงเริ่มโยกไปหุ้นพื้นฐานและปันผลที่ดีเท่านั้น ซึ่งก็ยังพอหาได้ในตลาดหุ้นไทยอยู่ครับ
2. พอร์ตหุ้นเวียดนาม - เป็นปีแห่งการเก็บกำไรอย่างแท้จริง ต้องใช้ความอดทนสูงมากในการผ่านช่วงที่ตลาดเวียดนามลงหนักๆเมื่อปีก่อน ผมทยอยขายออกเพื่อเก็บกำไรบ้าง แต่ไม่ได้ทั้งหมด แค่คิดว่าช่วงที่คนเชียร์เยอะรู้สึกไม่สบายใจ จะคิดสวนทางกับคนส่วนใหญ่ แล้วรอจังหวะที่ย่อค่อยเข้าไปเก็บเพิ่มอีกที
อย่างไรก็ตาม ผมยังเน้นกระจายหุ้นประมาณ 20-30 ตัว เนื่องจากความผันผวนที่ยังสูงกับตลาด Frontier และยังมีข้อจำกัดตัวที่เล็งอยากเก็บก็เก็บไม่ได้เพราะติด foreign limit เช่นเคย นั่นทำให้ผมยังไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักหุ้นเวียดนามได้ ส่วนนี้จึงไปเก็บเป็น ETF และกองทุนแทน เพราะทำให้เราสามารถเข้าถึงหุ้นที่ติด foreign limit ได้นั่นเอง
3. พอร์ตหุ้นสหรัฐ - บอกได้เลยแค่ว่า "รู้งี้"...ผมมีสัดส่วนหุ้นรายตัวสหรัฐน้อยมากๆ ปีนี้กลุ่ม Tech กลับมาโดดเด่นอย่างชัดเจน แต่ก็เช่นเดียวกันที่ผมไม่ได้มีเวลาติดตามหุ้นรายตัวแล้ว ดังนั้นจะทยอย dca สร้างเป็น core port จากหุ้นไม่เกิน 10 ตัว ที่คิดว่าเติบโตได้เรื่อยๆ โดดเด่นในเรื่องความสามารถในการแข่งขัน เป็น Global Products งบการเงินแข็งแกร่ง ซึ่งคิดว่ากิจการไม่น่าจะล้มได้ง่ายๆ (ก็คือมี moat นั่นเอง)
4. พอร์ตกองทุนรวม - กองทุนรวมยังคงเป็นส่วนการลงทุนหลักของผมเช่นเคย สำหรับปีนี้ผมได้มีการ re-structure พอร์ตกองทุนรวมทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมกับแผนเกษียณในระยะยาวมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้มีเครื่องมือใหม่ของ Finnomena ที่ชื่อ Goals Navigator ซึ่งมีความสามารถในการวางแผนหลายๆเป้าหมายทางการเงินรวมอยู่ในแผนเดียวได้สะดวกมากขึ้น (ใครสนใจติดต่อได้เลยครับ ทำแผนให้ฟรี) โดยหลักๆผมจะเริ่มย้ายแผนลงทุนเก่าๆที่เคยลงกระจายๆไว้มาเป็นเงินทุนของแผนเกษียณให้แผนนั้น solid มากขึ้น ส่วนแผนที่เน้น Growth ก็ยังพอมีเก็บไว้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้ให้น้ำหนักมาก พอร์ตที่เป็น tactical ก็ต้องชะลอไปบ้างในปีนี้เช่นกัน
5. พอร์ตหุ้นกู้ - ปีนี้ได้โอกาสในการเก็บสะสมหุ้นกู้เพิ่มพอสมควร ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับแนวโน้มที่ต้องการ เพราะเป็นการกระจายความเสี่ยงตามสภาพอายุและภาระการเงินในอนาคต ผมยังคงเน้นลงใน investment grade ซึ่งเน้นกิจการที่พื้นฐานดี ไม่มีปัญหาเรื่อง cashflow และเน้นตัวระยะสั้นๆเพิ่มสำหรับในช่วงที่ดอกเบี้ยยังคงระดับไปสักพัก (ไม่ลงสักที) ด้วยความที่ปีนี้ได้มาเป็นตัวแทนขายหุ้นกู้เองแล้ว ยิ่งทำให้เข้าถึงข้อมูลหุ้นกู้ทั้งออกใหม่และตลาดรองได้ง่ายขึ้น (ใครสนใจหุ้นกู้ตัวไหนทักมาได้เช่นกันครับ)
6. พอร์ตคริปโต - ตอนนี้ผมชัดเจนมากกับพอร์ตคริปโตที่มุ่งเน้นเก็บสะสม BTC อย่างเดียว และหาโอกาส stack sats ไปเรื่อยๆ ผมยังคิดว่า BTC คือสิ่งที่ปกป้องมูลค่าของเงินที่ดีที่สุดในตอนนี้ (โปรดอย่าเชื่อผม และต้องขออภัยที่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะถกเถียงหรืออธิบายเรื่องนี้นะครับ)
...
สุดท้ายนี้ขออัพเดท(ขายของ) เผื่อใครยังไม่ทราบ
ปัจจุบันผมเป็น Wealth Advisor ของ BMK Wealth Management และ Financial Advisor ของ Finnomena สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ รวมถึงประกันชีวิต ประกันวินาศภัยทุกแบบ หรือต้องการคำปรึกษาเรื่องวางแผนเกษียณ วางแผนภาษี วางแผนการศึกษาบุตร โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถทักแชทมาได้ที่เพจ BudgetBrews หรือกรอกฟอร์มนี้ได้เลยครับ
ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น