Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[OTH005] เรื่องของสีผิว ที่ไม่ใช่เพียงผิวเผิน

[OTH004] เรื่องของสีผิว ที่ไม่ใช่เพียงผิวเผิน

เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน
ประเด็นหนึ่งที่ชาว social network ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้น
เรื่องโฆษณาเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ที่แปะไว้ในขบวนรถไฟฟ้า BTS
ซึ่งมีเนื้อหาที่สามารถตีความได้ว่า "เป็นการเหยียดสีผิว"

เขียนว่า "สำรองที่นั่งสำหรับ...คนขาว"


(ขอบคุณรูปประกอบจากกระทู้ใน pantip.com ไม่ทราบชื่อเจ้าของภาพ
แต่ต้องขอขอบคุณท่านมากที่ช่วยนำเสนอประเด็นนี้ให้กับสังคมไทยครับ.)
 

อ้าว! เห้ย! สองมาตรฐานแล้วนะครับ!?!

เข้าใจครับว่าเป็นแค่โฆษณา ไม่ได้ต้องการจะปฏิบัติจริง
บางคนก็คิดว่า ก็นั่งๆไปเถอะ สนใจอะไร
แต่การที่คุณทำโฆษณาแบบทีเล่นทีจริงแบบนี้
มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนคิดจริง และน้อยใจจริง
มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณไปอำเพื่อน
แต่เพื่อนมันไม่ตลกกับคุณด้วย
(เคยโดนบ้างไหมล่ะ?)

แม้จะเป็นการนำค่านิยมของคนไทยมาเล่นกับสื่อบนรถไฟฟ้าได้อย่างฉลาด
แต่ทว่าหากไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาแล้ว
นี่คือ สิ่งที่สะท้อนปัญหาสังคมไทยได้ดีอีกกรณีหนึ่งเลยทีเดียว

...

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เราต่างก็รู้สึกได้ถึงการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มประเภท functional drink
คือ ประเภทเครื่องดื่มที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวผลิตภัณฑ์เองได้
ด้วยการนำเรื่องของประโยชน์ต่างๆจากสารที่เพิ่มเติมลงไป มาเป็นจุดขาย
เช่น ดื่มแล้วฉลาด ดื่มแล้วสวย ดื่มแล้วผิวขาว

ผลิตภัณฑ์ประเภทเหล่านี้ มีการใช้สื่อโฆษณาที่ต้องการจะอวดอ้างสรรพคุณอยู่มาก
ที่เห็นได้ชัดคือ การพยายามนำชื่อของสารอะไรสักอย่างหนึ่ง (มักเป็นชื่อสารทางวิทยาศาสตร์)
แล้วนำมาอธิบายว่า สารนี้ดีอย่างนี้ ดีอย่างนั้น
และเพื่อกันข้อครหาว่าจะเป็นการอ้างสรรพคุณเกินจริง
ก็มักจะมีการโฆษณาอ้างถึงงานวิจัยต่างๆที่สนับสนุนสารนั้นๆ

นี่คือสิ่งแรก ที่เป็นกับดักให้ผู้บริโภครู้สึกว่าผลิตภัณฑ์นั้น ดื่มแล้วได้ผลจริงๆ เพราะรู้สึกว่ามัน make sense
แต่แท้จริงแล้ว...

- สารที่เค้าว่ากันน่ะ มันคืออะไรกันแน่นะ? ลองศึกษาถึงการทำงานของมันอย่างแท้จริงแล้วหรือยัง?
- งานวิจัยที่อ้างมานั้น ก็เลือกมาแต่งานที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ ลองหางานวิจัยมาอ่านเองให้ครบทุกด้านแล้วหรือยัง?

กับดักนี้ เป็นผลจากการใช้ความได้เปรียบด้านความรู้และการนำเสนอ เพื่อทำให้ผู้บริโภคเห็นคล้อยตาม

...

และกับดักถัดไป คือการเล่นกับค่านิยมในสังคม

สำหรับสังคมไทย ค่านิยมของความสวย คือผิวขาว (เนียน กระจ่างใส อมชมพู...บลาบลาบลา~~ )
นั่นคือความจริงครับ คนส่วนใหญ่เห็นเช่นนั้น
ถ้าถามผม ผมก็ชอบครับ ผู้หญิงขาวๆเนี่ย (แฮ่ๆ)
แต่การนำค่านิยมนี้มาเล่น โดยไม่ระวัง และคิดให้รอบคอบเสียก่อน
ผลที่ตามมาคือ งานเข้าสิครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการทำสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้า
ถือเป็นการล่อเป้าได้อย่างสุดโต่งมากๆ เพราะ...

1. สังคมไทย เป็นสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และให้ความเคารพกันและกัน
เราถูกสอนมาแต่เด็กว่า ถ้ามีที่นั่งว่างก็ควรจะสละให้กับผู้ที่ลำบากกว่าเรานะ
เช่น คนพิการ พระสงฆ์ หญิงมีครรภ์ เด็ก คนชรา คนถือของหนักมาเต็มมือ
และถ้าไม่ลำบากอะไรนัก เป็นผู้ชายก็ควรจะสละให้ผู้หญิงครับ
สิ่งนี้คือความสวยงาม ทุกครั้งที่ผมสละที่นั่งหรือเห็นใครสละที่นั่ง
แล้วได้รับคำขอบคุณกลับมาเบาๆ เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย
มันเป็นภาพที่น่ารักครับ
และผมเชื่อว่า ผมไม่ได้คิดอย่างนี้แค่คนเดียว
เรื่องของที่นั่งสำรอง หรือการสละที่นั่ง จึงเป็นเรื่องที่มีคุณค่ากับคนไทยมากมายอย่างแน่นอน
การที่โฆษณานี้ออกมาเล่นเรื่องที่นั่งสำรอง จึงโดนเสียงวิจารณ์เรื่องความไม่เหมาะสมกันไปเต็มๆ

2. คนไทยจริงๆแล้ว ผิวไม่ขาว
คนไทยจริงๆและคนไทยส่วนมาก ผิวคล้ำ ซึ่งนั่นถูกแล้ว นั่นก็คือธรรมชาติของคนไทย
คนขาว คือคนที่มีเชื้อต่างชาติ เช่น จีน (เช่นผม ก็ออกไปทางขาวเพราะมีเชื้อจีน ) ญี่ปุ่น หรือลูกครึ่งที่เป็นฝรั่งก็ว่ากันไป

ผมเคยไปเจอคลิปใน youtube ที่มีสาวไทย ขาวๆหมวยๆ
ก็มีคอมเม้นจากฝรั่งบอกว่า...

"เห้ย ยูมั่วแล้ว พวกเนี้ยไม่ใช่คนไทยจริงๆหรอก ที่เห็นน่ะ มันมีคนจีนด้วย
คนไทยจริงๆน่ะต้องผิวคล้ำๆเท่านั้นเฟ้ย!!!"

ทั้งๆที่เราก็เห็นๆกันอยู่ว่า โถ...นั่นก็คนไทยจริงๆหมดนี่แหละครับ
เกิดเมืองไทย พูดภาษาไทย เขียนไทยได้ ชอบอาหารไทยกันทั้งนั้น
แต่เชื้อจีนเรามาเยอะก็เห็นแบบนี้เป็นปกติ แต่พวกฝรั่งไม่เข้าใจ นึกว่าถ้าขาวหมวยไม่ใช่คนไทยชัวร์
จึงเกิดดราม่าย่อยๆขึ้น เพราะมีคนไทยไม่เห็นด้วยไปเถียงฝรั่งกันจนชิบหายไปข้างนึงเลยทีเดียว -*-

...

แม้ค่านิยมคือ คนผิวขาวแล้วดูสวย คนชื่นชม ส่วนคนผิวดำมักจะโดนแซว จนทำให้เกิดปมด้อย
แต่ความจริงสองอย่างคือ

หนึ่ง เราเลือกเกิดไม่ได้
และสอง เราภูมิใจกับสิ่งที่เป็นอยู่

ผมแถมอีกข้อละกัน...สาม "สีผิวไม่ใช่สิ่งแบ่งแยกชนชั้นของสังคม"

การที่โฆษณานี้ออกมาบอกว่า ผิวขาวแล้วได้สิทธิ์มีที่สำรอง (แม้จะล้อเล่น)
ก็หมายความว่า โฆษณานี้ได้เปิดช่องให้สังคมคิดถึงการแบ่งแยกชนชั้นไปเสียแล้ว

3. สถานการณ์การเมืองบ้านเราก็รู้ๆกันอยู่แล้ว ว่ามันมีการเล่นเรื่องของชนชั้นกันมามากมายแล้ว
รวย-จน, นักการเมือง-ชาวนา, เทพ-เกรียน (???), คนเมือง-คนต่างจังหวัด
และซ้ำยังโยงไปถึงเรื่องของศาสนา
ซึ่งเหล่านี้ก็ถูกยกเป็น "ข้ออ้าง" ที่ทำให้บ้านเมืองมีแต่ความขัดแย้งกันในทุกวันนี้
โฆษณานี้จึงคล้ายกับการเติมเชื้อไฟ ให้คนอ่านแล้วนำไปสู่ความขัดแย้งได้อีก

...

ในมุมมองของผมแล้ว ผู้ที่ทำงานด้านสื่อ ไม่ว่าจะแขนงไหนก็ตาม
ผมถือว่าคุณต้องมีความรับผิดชอบสูงมากกว่างานทั่วไป
เพราะคุณไม่สามารถรู้และควบคุมได้เลยว่า
สิ่งที่คุณสร้างและทำออกไป มันจะส่งผลไปได้ไกลแค่ไหน
ไม่มีใครรู้เลยจริงๆ และไม่มีใครควบคุมมันได้จริงๆ

ยิ่งเมื่อสื่อนั้น กระทบเข้ากับจิตใจคนเข้าให้แล้ว
ก็หมดเวลาแล้ว...

ที่คุณจะหาข้อแก้ตัว.


ampmie152.
http://ampmie152.blogspot.com/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน