[INV034] ข้อคิดจากการลงทุนของผมประจำปี 2020 (2563)
สวัสดีครับ เพื่อนๆนักลงทุนทุกท่าน
พบกันเช่นเคยในช่วงทุกๆต้นปีกับการสรุปข้อคิดจากการลงทุนของผม
สำหรับปี 2020 (2563) ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นปีที่ยากลำบากและเป็นประสบการณ์การลงทุนที่เราทุกคนไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน
ผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 นั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในโลกของการลงทุนและในโลกแห่งความจริงที่เราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปแบบที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน
แม้เวลานี้จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนในหลายประเทศแล้ว แต่เอาเข้าจริงมันอาจจะใช้เวลาอีกหลายปี กว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ หรือในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโรค
ในขณะที่บางอย่าง...อาจไม่มีวันหวนคืนกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีกเลย
ผลตอบแทนตลาดโดยรวม SET TRI: -5.24%
ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: +11.31%
ผลตอบแทน SET Index: -8.26%
ผลตอบแทน SET50 Index: -14.79%
ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: +9.66%
ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: +11.31%
ผลตอบแทน SET Index: -8.26%
ผลตอบแทน SET50 Index: -14.79%
ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: +9.66%
...
ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนของผมแบบเหนือจินตนาการ
ผมอาจจะเคยผ่านวิกฤต sub prime มา และเคยค้นคว้าเรื่องวิกฤตต้มยำกุ้งมาบ้าง
แต่วิกฤตจากโรคระบาดในระดับ pandemic เช่นนี้ ก็ต้องยอมรับว่าไม่เคยมีประสบการณ์เตรียมความพร้อมรับมือมาก่อน
สำหรับตัวผมเอง แม้ว่าจะเป็นอีกปีที่ชนะตลาดและพอร์ตเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีเรื่องของโชคและจังหวะเข้ามาเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
นั่นคือ ธุรกิจที่ผมถืออยู่นั้นได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยกว่าที่คิด และบางตัวยังได้ประโยชน์อีกด้วย
ในขณะเดียวกันก็มีหุ้นหลายตัวที่โดนผลกระทบแบบเต็มๆ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีก
แต่ผมใช้โอกาสช่วงที่ตลาดกลัวมากเกินไป เข้าไปเก็บในราคาที่ถูกมาก ก่อนจะทยอยขายออกในช่วงที่ตลาดกลับตัวหลังจากสถานการณ์คลายความกังวลจาก 1st wave และกลายเป็นจุดที่ผมเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้ นั่นคือการลดสัดส่วนพอร์ตการลงทุนหุ้นไทย และนำไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนที่กองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในหุ้นเทคโนโลยี และกิจการที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐอเมริกาและจีน
ส่วนหุ้นที่เป็น core portfolio ของผมนั้น ตัวธุรกิจยังสามารถทำกำไรเติบโตได้ต่อเนื่องสวนทางกับตลาด
และผมเพียงถือไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรกับส่วนนี้เลย เพราะซื้อสะสมมันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้ว
ยิ่งผ่านช่วงโควิดไปได้ ก็ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ความทนทานของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับการลงทุนในอนาคต
ว่าตราบใดที่พื้นฐานของกิจการไม่ได้เปลี่ยนแปลง เราก็แค่ถือต่อไป และรอจังหวะที่คนกลัว ทยอยเข้าสะสมเพิ่ม
ผมได้เรียนรู้อีกว่า สิ่งที่ช่วยผมในวันนี้ คือสิ่งที่ผมลงทุนลงแรงไว้เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว
มันเลยทำให้ผมคิดต่อได้ว่า ถ้าเห็นใครชี้นำอะไรว่าอันนี้ดี อย่าเพิ่งใจร้อน ให้มองเผื่อไปไกลๆเลยว่ามันจะดีได้นานขนาดไหนและด้วยปัจจัยอะไร
อะไรที่คนแห่สนใจกันอย่างบ้าคลั่ง สิ่งนั้นคือความอันตรายอย่างยิ่ง
อะไรที่คนไม่สนใจ แต่เราเห็นผลของมันล่วงหน้าในระดับ 5-6 ปีนี่แหละ มักจะเป็นโอกาสที่ดี
ย้ำเตือนอีกครั้งในวันที่เพจขายของออนไลน์เริ่มแชร์ให้คนมาลงทุนหุ้น IPO
เมื่อเข้าไปอ่านในคอมเม้นท์แล้วก็ยิ่งตกใจกับคำถามที่ว่า จะคืนทุนเท่าไหร่? จะปันผลเท่าไหร่? ใครเคยซื้อบ้างช่วยบอกหน่อยว่าดีไหม? (เดี๋ยวๆ นี่มัน IPO นะ)
ฝากไว้ 3 ข้อเลยครับ
1. ลงทุนในสิ่งที่เรารู้ ถ้าไม่รู้จริง อย่าเพิ่งลง
2. ลงทุนในสิ่งที่เราสบายใจ ถือแล้วนอนหลับ
3. ลงทุนในความรู้ เพราะคือสิ่งเดียวที่ยิ่งลงทุนยิ่งได้กำไร (และช่วยเพิ่มโอกาสในข้อ 1 ได้)
ส่วนใครที่กำลังมองหาจุดเริ่มต้นในการลงทุน หากสนใจเปิดบัญชีกองทุนรวมแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม FINNOMENA
- เปิดบัญชีฟรี!
- เพียงเปิดบัญชีเดียวสามารถลงทุนกับกองทุนรวมผลตอบแทนดีเด่นได้ทุก บลจ. ไม่ต้องเปิดหลายบัญชีให้ยุ่งยาก
- มีบริการแจ้งคำแนะนำในการปรับพอร์ต รวมถึงสามารถสร้างแผนการลงทุนได้หลากหลายที่เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น