[TRA020] รีวิวปั่นจักรยานเส้นทาง Shimanami Kaido ที่ญี่ปุ่น
รีวิวปั่นจักรยานเส้นทาง Shimanami Kaido ที่ญี่ปุ่น
เส้นทาง Shimanami Kaido เป็นหนึ่งในเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น
เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเมือง Onomichi จังหวัด Hiroshima และเมือง Imabari จังหวัด Ehime
โดยผ่านเกาะ 6 เกาะ ข้าม 6 สะพานในทะเล Seto Inland เส้นทางยาวประมาณ 76 กิโลเมตร
เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ แต่ยังไม่ค่อยมีคนไทยรู้จักเท่าไหร่
สำหรับรีวิวนี้ ผมจะเล่าถึงประสบการณ์และการเตรียมตัวเผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปดูนะครับ
การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
สภาพอากาศ:
แนะนำให้คอยเช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเป็นระยะๆ ช่วงที่ผมไปประมาณกลางเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 องศา ถือว่าเย็นสบาย และโชคดีมากที่วันนั้นท้องฟ้ามีเมฆมาก ทำให้แดดไม่ร้อน แต่จะมีฝนตกปรอยๆเป็นระยะในช่วงเย็น
การแต่งกายและอุปกรณ์:
ใส่เสื้อที่ระบายอากาศได้ดี ส่วนกางเกงแนะนำให้ลองหาซื้อแบบสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะเพื่อลดแรงกระแทก (ซึ่งจะมีการบุฟองน้ำหรือเจลที่เป้าไว้ ประมาณแบบนี้ครับ-> https://shope.ee/3AlSRkoc8J) แว่นกันแดด หมวกกันแดด ครีมกันแดด ถุงมือ เสื้อตัวนอกสำหรับกันแดด หากดูแล้วฝนจะอาจจะตก อาจใช้เสื้อนอกที่มีคุณสมบัติสะท้อนละอองน้ำหรือพกเสื้อกันฝนเผื่อไว้ด้วย ส่วนหมวกกันน็อคจะมีให้ยืมฟรีที่เช่าจักรยาน
วางแผนเส้นทางล่วงหน้า:
แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับจุดแวะพักและสถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางล่วงหน้า สำหรับมือใหม่ หากจะปั่นจนจบคอร์สอาจจะต้องเผื่อเวลาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หรือหากใครกลัวว่าจะไม่ไหว แนะนำให้ลองปั่นแค่ครึ่งคอร์สก่อน คือข้ามแค่ 2 สะพาน แล้วไปขึ้น Ferry ที่ท่าเรือ Setoda กลับมาคืนจักรยานที่ Onomichi หรือถ้ามีเวลา 2 วัน อาจหาที่พักระหว่างทางสักคืนก็ทำได้เช่นกัน
ศึกษาเส้นทางได้ที่เว็บนี้ -> https://shimanami-cycle.or.jp/en-pamph/
การเช่าจักรยาน:
ผมเช่าจักรยานจากฝั่ง Onomichi โดยจองมาผ่านทางเว็บไซต์ทางการนี้ -> https://www.shimanami-bike-rental.com/booking?lang=en (ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจอง) มีจักรยานให้เลือกหลายประเภทตั้งแต่ จักรยานแม่บ้าน จักรยานเสือภูเขา จักรยานที่ใช้ไฟฟ้าช่วย และจักรยานไฟฟ้า ค่าเช่าจักรยานอยู่ที่ประมาณ 3,000-8,000 เยน ขึ้นอยู่กับประเภทและระยะเวลาเช่า
หากต้องการใช้จักรยานที่มีไฟฟ้าช่วย แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนประมาณ 3 เดือน เพราะมีจำนวนจำกัดมากๆ (ผมลองดูล่วงหน้า 1 เดือน ปรากฎว่าจักรยานแบบไฟฟ้าทั้ง 2 แบบ จากฝั่ง Onomichi เต็มหมดแล้ว)
และศึกษาจุดรับคืนจักรยานและเวลาเปิดปิดจากเว็บไซต์ทางการนี้ก่อน https://shimanami-cycle.or.jp/rental/english
อาหารและน้ำ:
ระหว่างเส้นทางมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อเป็นระยะๆ แต่ควรเตรียมน้ำไว้สักขวด และขนมที่พกติดตัวง่ายๆไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
เริ่มต้นปั่นจักรยานบนเส้นทาง Shimanami Kaido
วันก่อนปั่นจักรยาน ผมเดินทางมาพักที่โรงแรม Onomichi Daiichi Hotel ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่เราเช่าจักรยานเลย และโรงแรมมีบริการส่งกระเป๋าเดินทางไปที่โรงแรมปลายทางฝั่ง Imabari ด้วย (เช็ครายละเอียดและราคาได้ที่เว็บไซต์นี้ -> https://www.sagawa-exp.co.jp/stc/english/ ) โดยเราสามารถแจ้งโรงแรมปลายทางและจ่ายเงินสดกับพนักงานโรงแรมได้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผม check-out ออกจากโรงแรมเวลา 07:00 เพื่อที่จะไปหาอะไรรองท้องเป็นมื้อเช้าก่อน ข้างโรงแรมจะมี Lawson และที่สถานี Onomichi จะมี 7-11 และมีร้านขนมปัง Little Mermaid ที่เปิดตอน 07:30
หลังจากทานมื้อเช้าแล้ว เราก็มารับจักรยานที่จองไว้ สามารถแสดง QR Code แล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้เลย หลังจากนั้นพนักงานจะแนะนำวิธีการใช้จักรยานเบื้องต้น แล้วเราก็เริ่มออกเดินทางไปที่ท่าเรือข้ามฟากที่อยู่ใกล้ๆ
ค่าเรือข้ามฟากพร้อมจักรยานจะอยู่ที่ 110 เยน อย่าลืมเตรียมเหรียญไปให้พร้อม
เกาะที่ 1: Mukaishima
พอถึงฝั่งเราก็จะเริ่มปั่นเกาะแรกคือ Mukaishima ให้ตามเส้นสีน้ำเงินไปได้เลย เส้นทางจะพาเราออกไปทางทิศตะวันตกเพื่อวิ่งเลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆจนเกือบถึงทางขึ้นสะพาน เราจะแวะจุดพักแรกชื่อ Mukaishima Rest Area เป็นจุดชมวิวถ่ายรูปเล็กๆกับสะพาน Innoshima จากนั้นเราจะเริ่มเข้าสู่การไต่ขึ้นสะพาน ซึ่งเค้าจะทำทางแยกไว้สำหรับการปั่นจักรยานและมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ ตรงช่วงนี้ให้เราปรับเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยๆปั่นดันเนินไปเรื่อยๆ พอถึงทางเข้าสะพานแรกจะมีเลนแยกสำหรับคนเดินและจักรยานให้
สำหรับสะพาน Innoshima จะเป็นการวิ่งใต้สะพานที่รถวิ่งอยู่ข้างบนอีกที วิวสองฝั่งจะมีตาข่ายเหล็กกั้นอยู่ตลอดทาง
เกาะที่ 2: Innoshima
เส้นทางของเกาะนี้ยังคงเป็นการเลียบออกมาชายฝั่งด้านตะวันตกเช่นเคย ซึ่งเราจะเริ่มห่างออกมาจากตัวเมืองมากขึ้น และเห็นการทำเกษตรกรรม, ประมง, และอุตสาหกรรมของชาวบ้านแถวนั้น เริ่มเห็นสวนส้มและเลมอนเยอะขึ้นเช่นกัน เราแวะพักที่ Lawson Innoshimatakuma ซึ่งอยู่ช่วงก่อนขึ้นสะพาน Ikuchi
สามารถแวะซื้อน้ำ ขนม และเข้าห้องน้ำที่ร้านสะดวกซื้อได้เลย (แจ้งพนักงานก่อนก็ดีนะครับ)
หลังจากนั้นเราจะเริ่มปั่นวนขึ้นมาไต่ระดับเพื่อข้ามสะพาน Ikuchi (ก่อนข้ามแนะนำให้จอดแวะถ่ายรูปกับสะพาน จะได้วิวสวยๆที่ได้เห็นสวนเลมอนอยู่ด้านล่าง) สะพานนี้เราจะได้ข้ามบนระดับเดียวกับทางรถยนต์วิ่ง แต่จะมีเลนแยกออกมาให้เลยสำหรับจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ปั่นสบาย ชมวิวเพลินๆ ปลอดภัยแน่นอน
เกาะที่ 3: Ikuchi
มาถึงเกาะนี้ เส้นทางจะพาเราปั่นผ่านเมือง Setoda ซึ่งมีร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดที่น่าแวะมากมาย
หนึ่งในจุดที่ห้ามพลาดก็คือร้านไอศครีม Dolce Ice Cream นั่นเอง ไอศครีมอร่อยและบรรยากาศดีมากๆ
ได้แวะเติมพลังแบบนี้ก็ไปต่อกันได้ยาวๆ
เราปั่นผ่านวัด Kousanji ซึ่งตามแผนแรกว่าจะแวะขึ้นไปถ่ายรูปบนเขาด้านบน แต่ด้วยเวลาที่จำกัดและทำเวลาได้ช้ากว่าแผนที่คาดไว้เลยต้องข้ามจุดแวะนี้ไป และไปแวะพักอีกทีตรงจุดพักชายหาด Setoda Sunset Beach จุดนี้เป็นจุดพักรถใหญ่ที่เราจะได้นั่งริมชายหาดอย่างแท้จริง บรรยากาศดีมากๆครับ
หลังจากนั้นเราจะเจอทางขึ้นไต่ระดับเพื่อข้ามสะพาน Tatara ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสะพานที่เห็นวิวทะเล ภูเขา และเกาะต่างๆที่สวยงามมาก สะพานนี้คือเส้นแบ่งระหว่างจังหวัด Hiroshima และจังหวัด Ehime
ไฮไลต์สำคัญคือตอนข้ามสะพานเสร็จ ช่วงที่เป็นทางลาดลงเราจะผ่านอุโมงค์ซากุระตลอดทาง (เสียดายมากเลยที่ปิดกล้องไปเสียก่อน)
เกาะที่ 4: Omishima
หลังจากข้ามสะพานลงมาก็จะถึงจุดแวะพักใหญ่ Roadside Station Tatara Shimanami Park ซึ่งเป็นจุดที่เราจะแวะทานข้าวกลางวันด้วย
จุดนี้จะมีร้านขายของฝาก ของที่ระลึก (ใครอยากได้เสื้อ finisher ให้รีบซื้อที่นี่ไว้เลย คิดว่าไม่เจอขายที่อื่นแล้ว) และร้านอาหาร ซึ่งจะเป็นอาหารเทโชกุให้เลือกหลากหลาย หยอดเงินซื้อตั๋วที่ตู้แล้วออเดอร์จะวิ่งไปในครัวเลย รอเค้าเรียกเบอร์แล้วเอาตั๋วไปให้พนักงานดูอีกทีเพื่อรับอาหาร
แนะนำให้ออกมานั่งโต๊ะข้างนอก ลมเย็นสบาย ชมวิวสะพาน Tatara ที่เพิ่งจะข้ามมาสักครู่นี้ บรรยากาศดีสุดๆครับ
ทานเสร็จฝนเริ่มลงเม็ดและหนักขึ้นเรื่อยๆ เราแพลนกันว่าจะไปต่อยังไงดี รอให้ฝนซาเล็กน้อย แล้วลองปั่นลุยไปต่อ หากเจอร้านสะดวกซื้อจะแวะซื้อเสื้อกันฝนเตรียมไว้ก่อน
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดครับ เสื้อกันฝนนี่เหมือนเป็นยันต์ ซื้อปุ๊ป ฝนหยุดปั๊ป
เมื่อปั่นไต่ระดับขึ้นมาก่อนจะข้ามสะพานถัดไป แนะนำให้หยุดถ่ายรูปที่จุด Komaruko island rest square จะมีต้นซากุระที่ยัง full bloom อยู่และเห็นวิวสะพาน Omishima อยู่ด้านหลัง
เกาะที่ 5: Hakata
เกาะนี้เราจะได้ผ่านเส้นทางสั้นๆ เราจะเห็นบริเวณที่มีอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ และมีจุดพักรถใหญ่ซึ่งมีฟาร์มโลมาด้วย เราแค่อยากแวะหากาแฟสดกิน แต่ในร้านค้าไม่มีขาย เลยลองปั่นไปนั่งกดกาแฟที่ Lawson Hakatajima Inter กินข้างหน้าแทน ซึ่งเราคิดถูกมากเพราะเป็นสาขาใหญ่ มีที่ให้นั่งกิน มีที่เสียบชาร์จแบตให้พร้อม ก่อนที่จะเข้าสู่ทางไต่ระดับเพื่อข้ามสะพาน Hakata-Ōshima
เกาะที่ 6: Ōshima
ผมขอยกให้เกาะนี้คือบอสตัวจริง ด้วยระยะทางที่ไกลและเป็นเนินขึ้นเขาสุดโหดยาวเป็นกิโล บวกกับความเมื่อยล้า(ก้นระบมไปแล้ว)และความเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยปั่นจักรยานทางไกลเลย ทำให้รู้สึกเหนื่อยกว่าตอนที่ไต่ขึ้นสะพานทั้งหมดที่ผ่านมาเสียอีก ฝนก็เริ่มเทลงมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็กัดฟันลุยจนมาถึงจุดพัก Roadside Station Yoshiumi Iki-iki-kan ก็ยืดเส้นยืดสายแค่นิดเดียวเพราะอยากจะรีบข้ามสะพานสุดท้ายให้ได้ก่อนท้องฟ้าจะมืด
ตอนไต่ขึ้นสะพาน Kurushima-Kaikyo จะยาวกว่าทุกสะพานเพราะเป็นสะพานที่สูงที่สุด แต่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากเพราะเนินจะไม่ชันมากและวิวสวยมากจนได้หยุดถ่ายรูปไปเรื่อยๆจนมาถึงข้างบน
นี่คือหนึ่งในสะพานแขวนที่ยาวที่สุดที่สามารถปั่นจักรยานข้ามได้ มองเห็นวิวทะเลที่กว้างไกลและภูเขาที่สวยงาม และชายฝั่งของเมือง Imabari อีกไม่ไกลแล้ว
สะพาน Kurushima-Kaikyo |
ขึ้นฝั่ง Imabari
หลังจากลงสะพานจากนี้ก็คือการปล่อยไหลลงยาวๆ มันเพลินจนทำให้เราเลยทางแวะจุดพักสุดท้ายที่ Sunrise Itoyama ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งใจอยากไปถ่ายรูปให้ได้ แต่ ณ เวลานั้น หากต้องย้อนกลับก็ต้องปั่นขึ้นเนินกลับไป บวกกับท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง เลยตัดสินใจไม่ย้อนกลับและอยากไปให้ถึงสถานี Imabari ให้ทันก่อนร้านเช่าจักรยานจะปิด
เส้นทางหลังลงสะพานไปถึงสถานี Imabari ดูจากป้ายแล้วบอกว่าแค่อีก 6 กิโล แต่มันกลายเป็น 6 กิโลที่ยาวนานจนรู้สึกว่าเหมือนจะหลงทาง เพราะอยู่ๆเส้นสีน้ำเงินที่เราใช้นำทางมาตลอดก็ได้หายไป บวกกับความมืดด้วย แต่เราก็ตามกระแสของจำนวนรถและผู้คนที่ยังมุ่งหน้าไปทางเดียวกันเรื่อยๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงแยกสุดท้าย ข้ามถนนเพื่อไปจบที่จุดพัก i.i.imabari! Cycle Station และคืนจักรยานได้ทันก่อนที่ร้านจะปิด ถือเป็นการปิดฉากทริปปั่นจักรยานที่ไกลที่สุดในชีวิตเรา (ซึ่งไม่คิดว่าจะทำได้อีกแล้ว)ไปอย่างสวยงาม
หลังคืนจักรยานเสร็จ เราเดินเข้าไป check-in ที่โรงแรมทันที ซึ่งเราจองโรงแรม JR Clement Imabari เพราะอยู่ติดสถานีและจุดคืนจักรยานเลย เมื่อเข้าไปถึง lobby ก็พบว่ากระเป๋าเดินทางของเรานอนรอยู่แล้ว
โรงแรมนี้ไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องทำเล แต่ที่ชอบมากคือมี Free flow drinks ให้ถึง 3 ทุ่ม แบบนี้ก็ไม่รอช้า รีบแวะซื้อของกินที่ Lawson ข้างๆ แล้วมาจัดแอลกอฮอลกันไปยาวๆ
อีกอย่างที่ชอบคือ มีเกลือแช่น้ำแบบหอมๆให้หยิบด้วย เหนื่อยล้ามาทั้งวัน พอได้แช่น้ำอุ่นๆแล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย
สำหรับใครที่นึกภาพไม่ออกว่าตอนปั่นข้ามแต่ละสะพานจะเป็นยังไง ผมได้ถ่ายคลิปตอนที่ตัวเองปั่นข้ามทั้ง 6 สะพานไว้ใน Youtube ของผมด้านล่างนี้ครับ
ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
สิ่งที่ทำให้การปั่นจักรยานบนเส้นทาง Shimanami Kaido น่าประทับใจคือวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและความสงบของธรรมชาติ นอกจากนี้การได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ความท้าทายของระยะทาง และบรรยากาศดีๆตลอดเส้นทาง ทำให้การเดินทางนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมยกให้เป็นกิจกรรมที่ดีที่สุดที่คนชอบเที่ยวญี่ปุ่นต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต
http://ampmie152.blogspot.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น