156
ไดอารีที่รัก...
พอเราเข้าสู่โหมดโฟกัสกับการเก็บเงินเกษียณ ก็ต้องยอมรับว่าเรายอมแลกอะไรออกไปเยอะพอสมควร
การจัดสรรเงินเก็บแบบรัดกุมถูกดำเนินไปด้วยความอดทนและตัดใจในหลายๆอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป
หรืออะไรที่จำเป็นแต่ลดได้ ก็ต้องพยายามลด
แต่ในความเป็นจริงเรามักจะพบโซนเทาๆของการใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าที่จะดำเนินไปอย่างมีจุดหมาย
สำหรับเรา หนึ่งในนั้นคืองบค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว
คำถามที่น่าสนใจคือ เราควรแบ่งสรรปันส่วนงบการท่องเที่ยวระหว่างทางไว้ขนาดไหนดี?
คำตอบนี้คงไม่มีถูกผิดและเป็นไปได้หลากหลายตามการให้ความสำคัญของแต่ละคน
สำหรับเรา มันก็สำคัญมากนะ แต่ถามว่ามันจำเป็นขนาดไหน ก็ต้องไปเทียบกับงบเกษียณอายุ ค่าใช้จ่ายด้านประกันและการรักษาในอนาคต
แต่บางครั้งเราลืมอะไรไปรึเปล่า?
เราโฟกัสกับการเก็บเงินแบบเข้มข้นกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ชีวิตคงอยู่รอดได้จนกว่าจะตาย
แต่เรากลับต้องยอมแลกกับการเอาเงินมาใช้ให้ชีวิตมีความสุขในระหว่างทางจนถึงวันที่จะตายด้วยเช่นกัน
เรากลับมาดูในลิสท์ที่เราอยากทำตอนเกษียณอีกครั้ง ว่าเกษียณแล้วอยากทำอะไร?
หนึ่งในอันดับต้นๆก็คือการท่องเที่ยวอยู่ดี
งั้นคำถามถัดมาคือ เที่ยวตอนนี้กับเที่ยวตอนแก่ เทียบกันแล้วมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง?
เที่ยวตอนนี้เลย!
Pros:
- เที่ยวแบบทำกิจกรรมหลากหลายได้ (ร่างกายยังไหวอยู่)
- ธรรมชาติและเมืองเก่า น่าจะยังสวยกว่าในอนาคต
- ราคายังพอจ่ายไหว
- คนในครอบครัวไปด้วยกันได้
Cons:
- เก็บเงินเกษียณได้ช้าลง
- วันลามีน้อย ไปได้ไม่นาน ลาไปเที่ยวก็ยังโดนตามให้ทำงาน
- กระทบเงินเก็บ ต้องเที่ยวแบบประหยัดหน่อย
- ต้องแย่งกันเที่ยว เพราะลาได้เฉพาะช่วงวันหยุดเทศกาล เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ไม่ได้
เที่ยวตอนแก่?
Pros:
- น่าจะมีเงินเที่ยวได้เยอะกว่า (ไม่มีภาระการเงินอย่างอื่น)
- ไม่ต้องห่วงเรื่องวันลา ไปนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ออกแบบได้
- ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเก็บ เพราะมีการแยกส่วนการใช้ไว้แล้ว
- ไม่ต้องแย่งกันเที่ยว ไปช่วง low season ก็ได้ ราคาก็ถูกกว่าด้วย
Cons:
- อาจจะเที่ยวไม่ไหว ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าร่างกายจะเป็นแบบไหน หรือถึงไปไหวก็ทำกิจกรรมอะไรคงไม่ได้มากเท่าตอนนี้
- ธรรมชาติและเมืองเก่า จะเปลี่ยนไปมากในทางที่แย่ลง (แต่ก็อาจมีแหล่งท่องเที่ยวแบบอื่นเพิ่มเข้ามาแทน)
- ราคาแพงขึ้น มากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อ
- คนในครอบครัวจะยังไปด้วยกันได้ไหมไม่รู้?
เราจะเห็นได้ว่าปัจจัยหลักๆล้วนไม่พ้น 3 สิ่ง:
1. เงิน 2. เวลา 3. ร่างกาย(ทั้งเราและครอบครัว)
เงินนี่ถ้าหายไปหรือลดไป ก็อาจจะพอหามาใหม่ได้ (ถึงจะหายากก็เถอะ)
แต่เวลา กับร่างกาย นี่ไปแล้วไปเลย ไม่มีทางหวนกลับ
ยกเว้นถ้าเงินมีเยอะมากๆๆๆพอ ก็อาจจะพอซื้อเวลาและยื้อร่างกายให้อยู่นานขึ้นอีกหน่อย
ถึงตรงนี้แล้วมันก็ทำให้เราอยากเที่ยวให้มากขึ้นตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เรื่องวันลา เรื่องลางาน สำหรับคนทำงานประจำโดยเฉพาะบริษัทไทย การเป็นลูกจ้างนั้นมีความยากลำบากในเรื่อง work-life balance ที่ไม่เคยมีอยู่จริงเสมอ เพราะบริษัทนั้นก็คาดหวังให้ทำงาน 24 ชม.ได้อยู่ดีแบบไม่สนใจวันหยุดวันลาของพนักงาน แม้จะเป็นการลาเที่ยวแบบใช้วันลาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าไม่สามารถพร้อมทำงานได้ตลอดเวลาก็จะถูกมองว่า performance ไม่ดีไปเสียอย่างงั้น ซึ่งก็มีผลต่อการประเมินขึ้นเงินเดือน โบนัส และถ้าทนไม่ไหวจะลาออก การหางานใหม่ในวัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย
เราคิดว่าหลายคนก็น่าจะเจอปัญหาที่เป็น Dilemma อะไรประมาณนี้กันมาบ้าง
ความยากคือเราจะ balance มันยังไงให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีการจัดการที่ตายตัว
สิ่งที่เรานึกออกและทำได้ตอนนี้ก็คือ เตือนสติตัวเองบ่อยๆ
เมื่อไหร่ที่มันตึงไปก็ต้องผ่อน เมื่อไหร่ที่ผ่อนเกินไปก็ต้องตึง
หาวิธีปรับตัวให้อยู่รอดกับข้อจำกัดที่มีให้ได้และพยายามมีความสุขกับมันไปให้ได้
หรือถ้าไม่ได้ ก็พยายามจัดการความทุกข์ให้มันไม่กระทบใจเรานานมากนัก
ให้มันมา รู้สึก แล้วปล่อยให้ผ่านไป
เหมือนทุกเรื่องราวที่มันก็จะต้องผ่านไปในชีวิต
...
นั่งมองดูวันที่บนปฏิทิน นับถอยหลังถึงวันที่จะได้ไปเที่ยว
มันช่างยาวนานเหลือเกิน :)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น