Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ

[INV029] ข้อคิดจากการลงทุนของผม ประจำปี 2018 (2561)


เผลอแป๊ปเดียวขึ้นปีใหม่มาครึ่งเดือนแล้ว... ปีนี้ก็พบกันเช่นเคย กับสรุปข้อคิดและผลจากการลงทุนของผมในปี 2018 (2561)

มาดูผลงานกันก่อนเลย...

ผลตอบแทนตลาดโดยรวม SET TRI: -8.08%
ผลตอบแทนรวมที่ผมทำได้: -7.33%

ผลตอบแทน SET Index: -10.82%
ผลตอบแทน SET50 Index: -7.95%
ผลตอบแทนไม่รวมปันผลของผม: -9.39%

...

ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่ติดลบประมาณ 10% (SET Index) กลายเป็นอีกปีหนึ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเจ็บตัวกันถ้วนหน้า (ส่วนผู้ที่ซื้อ LTF/RMF ปลายปีกลับเป็นผู้ที่ได้ราคาถูกที่สุดของปีไปเป็นที่เรียบร้อย)
ตัวผมเองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็ยังดีที่ติดลบน้อยกว่าตลาดเล็กน้อย

สาเหตุของการตกลงแรงของตลาดหุ้นก็มีทั้งปัจจัยภายนอกอย่างการไหลออกของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์สงครามการค้า ความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย และปัจจัยภายในก็คือผลประกอบการของบริษัทฯจดทะเบียนที่น่าผิดหวัง ถูกกระหน่ำเข้ามาพร้อมๆกัน จนหลายคนถอดใจและหมด passion ที่จะติดตามตลาดหุ้นอีกต่อไป

ในความคิดของผมแล้ว ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "หมดยุคทองของการลงทุนแบบ VI" เพราะการมองหาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าและคุณภาพดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ในปีที่ผ่านมาผมพบว่า หุ้นที่คุณภาพดีก็มักจะเทรดกันที่ราคาแพงตลอดเวลา
มีแต่จะแพงขึ้นๆ จนเกินความสามารถของตัวมันไปหลายเท่า
พอผลประกอบการออกมาก็เหมือนความจริงปรากฏ นักลงทุนต่างผิดหวังและเทขายทิ้ง
ระดับ PE ที่เคยถูกประเมินแบบ premium เช่น 30-50 เท่า ก็เหลือเพียง 10-20 เท่า ในหลายๆอุตสาหกรรม

คำถามที่น่าสนใจคือ ที่ผ่านมานั้นมันแพงเกินไปเป็นเวลานานมาแล้วหรือไม่?
บางทีที่ระดับ PE แบบตอนนี้ ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็เป็นได้ เพราะผลประกอบการที่อ่อนแอก็สะท้อนออกมาแล้วว่า คุณภาพและการเติบโตของกำไรที่ต่างวาดฝันกันว่าแข็งแกร่งยามหุ้นขึ้นเมื่อปีก่อนอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย

ในอีกแง่หนึ่ง หุ้นบางตัวที่ราคาลงมาเยอะมากเพราะผลประกอบการที่ผิดหวัง แต่สาเหตุนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นระยะสั้น หรืออาจกระทบพื้นฐานจริงแต่ผลกระทบค่อนข้างจำกัด ก็เกิดเป็นคำถามในใจผมเช่นกัน
หรือนี่คือโอกาสหากเราพบว่าราคามันลงมาเยอะเกินสิ่งที่ควรจะเป็น?

...

ผมพิจารณาลงไปในหุ้นรายตัว และทยอยจำแนกว่าตัวไหนที่น่าจะกลับมาได้ยากและต้องยอมรับไปว่าพลาดจนได้ หรือตัวไหนที่ยังมั่นใจว่าจะกลับมาได้ค่อนข้างแน่นอน ก็จะประเมินมูลค่าและปรับทิศทางเล็กน้อย ก่อนจะทยอยหาจังหวะเก็บเพิ่มเรื่อยๆ
นั่นก็หมายถึงการต้อนรับหุ้นตัวใหม่ๆเข้ามาในพอร์ตแบบไม่ได้ตั้งใจเสียด้วย

ปีที่ผ่านมา กองอสังหาฯโดยภาพรวมแล้วให้ผลตอบแทนที่ดี เป็นบวกสวนกับตลาดหุ้น
กอง REIT ที่ผมซื้อไว้เมื่อราวๆ 6-7 ปีที่แล้วและถือมันไว้แบบนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย ปัจจุบันผลตอบแทนเกือบ 90%
ทำให้ปีนี้คงต้องหันมาสนใจศึกษาเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกกระจายความเสี่ยงที่ดี


อีกบทเรียนที่ดีจากปีที่ผ่านมาคือการสอนให้รู้ว่า ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐนั้นคือเรื่องที่ประเมินได้ยากมาก และผลของมันก็ค่อนข้างรุนแรงและยากที่จะหลบเลี่ยงได้
เช่น ความล่าช้าของโครงการต่างๆ การออกมาตรการหรือกฎหมายบางอย่างแบบกระทันหัน การเข้าแทรกแทรงราคาสินค้าและบริการ บางเคสก็ไปจนถึงการยกเลิกแผนงานต่างๆที่เคยวางไว้
สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการทั้งระยะสั้นและยาว

อย่างไรก็ตาม การเริ่มลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผมสนใจเพื่อจำกัดความเสี่ยงในด้านนี้ก็เป็นได้

...

เผลอแป๊ปเดียวขึ้นปีใหม่มาครึ่งเดือนแล้ว...ตาราง oppday ก็ออกมาแล้ว (ดูที่นี่นะ https://www.set.or.th/set/oppdaybyperiod.do?language=th&country=TH )


เดือนหน้าเราคงต้องยุ่งกันเช่นเคยนะครับ เพื่อนๆนักลงทุน.


ampmie152
http://ampmie152.blogspot.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน