Please support me!

หากชอบใจบทความของผม โปรดสนับสนุนค่ากาแฟเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ คลิกที่นี่

[INV020] จดบันทึก "2 หมอมองหุ้นไทย ลงทุนVIอย่างไร ไตรมาส3" จากงาน SET-TFEX Digital Investor Fair 2015

จดบันทึกสัมมนาหัวข้อ "2 หมอมองหุ้นไทย ลงทุน VI อย่างไร ไตรมาส 3" จากงาน SET-TFEX Digital Investor Fair 2015 (28-06-2015)
คำเตือน: จดตามที่ได้ยินและความเข้าใจของตนเอง ไม่รับประกันความถูกต้อง ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ ...โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูล.

- นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ: ผู้ลงทุน VI
- นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี: ผู้ลงทุน VI
- คุณสุภัทกิตต์ เจตทวีกิจ: ผู้ดำเนินรายการ

สัมมนา "2 หมอมองหุ้นไทย ลงทุนVIอย่างไร ไตรมาส3" โดย นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี, นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ
คุณสุภัทกิตต์: ถามถึงจุดเริ่มต้นของคุณหมอที่มาลงทุนในหุ้น

นพ.พงศ์ศักดิ์: เริ่มต้นจากเงินฝากกับพันธบัตรที่มีอยู่ ให้ผลตอบแทนที่ต่ำ จึงคิดทางทำผลตอบแทนให้ดีกว่า คือลงทุนในหุ้น เริ่มอ่านจากหนังสือของ ดร.นิเวศน์ เพราะคิดว่ามีเหตุมีผล
- เลือกหุ้นกลุ่มที่ไม่ผันผวน แต่ผลตอบแทนดี เช่น โรงไฟฟ้า

นพ.ประมุข: ตอนแรกไม่ได้คิดว่าหุ้นจะเป็นตัวที่ทำให้รวยจนไม่ต้องเป็นหมอ แค่เอาชนะเงินเฟ้อ เคยลองลงทุนคอนโด รู้สึกว่ายุ่งยาก เลยมาลงในหุ้น เริ่มแรกก็เล่นแบบเม่า ขาดทุนแล้วเลิกไป ค่อยกลับมาใหม่
- เน้นเล่นหุ้นตัวใหญ่ เพราะปลอดภัย หุ้นที่มีสภาพคล่องสูง
- ลองเทคนิคแล้วก็ไม่ใช่ตัวเอง มาเจอเว็บบอร์ด ThaiVi คิดว่าเหมาะกับตัวเอง

คุณสุภัทกิตต์: ตอนเข้ามาแรกๆ มีวิธีทำใจยังไงเพื่อรับมือกับความผันผวนในตลาดหุ้น?

นพ.พงศ์ศักดิ์: ไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยงอะไรมาก เพราะใช้เงินเย็น หุ้นที่เลือกก็ไม่หวือหวา เพราะเข้าไปแรกๆรู้สึกกลัวอยู่ จึงค่อยๆเข้าไป แล้วประเมินก่อน ดีที่ไม่เสี่ยงมาก เสียค่าเรียนรู้ไม่เยอะ

คุณสุภัทกิตต์: ความกลัวในตอนแรกคืออะไร?

นพ.พงศ์ศักดิ์: กลัวขาดทุน ก็ต้องเข้าใจบริษัทนั้นเป็นอย่างดี ศึกษามันให้ลึกซึ้ง
- อย่าศึกษาเหวี่ยงไปหมด เจาะให้ลึกไปเลย ไม่จำเป็นต้องรู้มาก แต่รู้ให้ลึก
- พอเราเก่งขึ้น ก็ค่อยขยายขอบเขตการศึกษาออกไป
- ต้องประเมินอนาคตข้างหน้าของบริษัทได้, อีก 1-3 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง?
- อ่านข่าวมาอย่าเพิ่งเชื่อ ดู oppday ย้อนหลังเยอะๆ ย้อนไปฟังบริษัทที่ล้มเหลว ทำให้เข้าใจ cycle ของธุรกิจ ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเพิ่งไปเสี่ยงกับมัน
- เมื่อมองภาพออกแล้ว เราเชื่อมั่นภาพในอนาคตนั้นชัดเจนแค่ไหน?
- ตัวเรามองภาพธุรกิจแบบไหน สั้น กลาง ยาว? ต้องรู้ตัวเอง ใช้ความสามารถให้ถูกต้อง

คุณสุภัทกิตต์: ถามหมอประมุข ลองอย่างอื่นมาก่อนจะเป็น VI ถามว่าปรับตัวยากไหม?

นพ.ประมุข: ตอนแรกก็กลัวขาดทุน กลัวเสียเงินต้น เริ่มต้นยาก ในบอร์ด ThaiVI ก็คุยกันเป็นสมการเข้าใจยาก
- ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำใจชอบมันให้ได้ เปรียบเหมือนตอนเรียนผ่าศพ ถ้าเป็นการลงทุนก็คือเรียนรู้งบการเงิน
- ค้นหาวิธีการของเราให้เจอ พยายามหาหุ้นที่ตัวเองถนัด
- อยากเก่งกว่าคนอื่นก็ต้องทำการบ้านเยอะกว่าคนอื่น ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ

คุณสุภัทกิตต์: วิธีการหาหุ้น มองยังไงว่าจะเป็นหุ้นตีแตก?

นพ.พงศ์ศักดิ์: วิธีการนั้นไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่เราค้นพบอะไรที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า
- ตั้งคำถามก่อนว่า เรามอง megatrend คืออะไรบ้าง? ถ้าซื้อหุ้นที่อยู่ใน megatrend จะโตได้ง่ายกว่า
- มองความเสี่ยง สมมุติถ้าเราซื้อที่ราคานี้ โอกาสจะขาดทุนมีแค่ไหน ถ้าเสี่ยงมากจะไม่ชอบ เปรียบเทียบ upside/downside risk เช่น ถ้าโอกาสกำไร 50% โอกาสขาดทุน 10% ก็ดีกว่าพวกที่โอกาสขาดทุนเยอะๆ
- เช่น megatrend ในอดีตคือ กลุ่มโรงพยาบาล, ค้าปลีก , ท่องเที่ยว
- รายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี
- ช่วงแรกของธุรกิจใน S-Curve จะยังมีค่าใช้จ่ายเยอะ จึงยังขาดทุนอยู่ ควรเน้นที่การสร้างรายได้มากกว่ากำไร พอธุรกิจเข้าสู่ช่วงกลาง ค่อยมาเน้นการสร้างกำไร
- ดู market size และ market share ที่จะเติบโตในอนาคต
- ROE ไม่น้อยกว่า 15%
- downside ไม่เกิน 10-20%
- ดูมูลค่าปัจจุบันก่อน ยังไม่ต้องดู growth ให้ลองประเมิน PE ถ้าเจอหุ้นที่ดี downside ควรจะต่ำ
- สมัยก่อนเจอหุ้นแบบนี้เยอะ ปัจจุบันไม่มีแล้ว ราคาที่เห็นอยู่ตอนนี้มักจะ price-in อนาคตไปหมดแล้ว และหากบางธุรกิจนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอนาคต ก็จะทำให้ขาดทุนไปเยอะมาก
- ประเมินมูลค่าตาม timeframe ให้ออก เช่น ปัจจุบันมูลค่าเท่าไหร่? อีก 3 ปีจะมีมูลค่าเท่าไหร่? ถ้ามากกว่า 3 ปีขึ้นไปจะมีมูลค่าเท่าไหร่? ถ้าพบว่าราคาหุ้นตอนนี้แพงมากเกินไปเราก็ไม่ต้องตาม เดี๋ยวมันก็ลงมาให้ซื้อ (ยิ่งถ้ามัน price-in ไปแล้วเกิน 5 ปี)
- แต่ถ้ามันแพงมากไม่ลงมาเลย ก็ต้องดูหุ้นตัวอื่นไว้เป็นทางเลือกด้วย 

นพ.ประมุข: ตอนแรกก็ดูแต่ตัวเลข เน้นดู PE ถูก แต่มันอาจจะถูกเรื้อรัง เหมือนหุ้นก้นบุหรี่
- หาหุ้นแข็งแกร่งมาไว้ก่อน แล้วมองหาหุ้น growth มาเป็นตัวสร้างกำไร
- ช่วงหลังๆคือ เน้นคุณภาพและทิศทางที่บริษัทกำลังจะไป
- ชอบหุ้นตัวเล็กที่คนไม่ค่อยรู้จัก
- ทำการบ้าน เก็บหุ้นไว้ใน watchlist ก่อน รอเวลามีข่าวมากระทบ เป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
- เรื่องใจ สำคัญที่สุด EQ เราจะรับมือกับ panic ยังไง สติสำคัญที่สุด

คุณสุภัทกิตต์: หุ้น turnaround จะมีวิธีตามข้อมูลข่าวสารยังไง?

นพ.ประมุข: จริงๆไม่มีหุ้น VI มีแต่หุ้นที่มันยังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
- turnaround มักจะไม่ turnaround จริง ข่าวส่วนใหญ่มักจะล่อเม่า
- ต้องเปลี่ยนผู้บริหารใหม่, เปลี่ยน business model ใหม่, เรื่อง CG สำคัญมาก ต้องมี track record ย้อนหลังไปหลายปี
- อย่าเพิ่งทุ่มหมดตัว ค่อยๆทยอยลงทุน
- ติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด

คุณสุภัทกิตต์: megatrend ส่วนมาก หุ้นแพงหมดแล้ว อย่างโรงไฟฟ้า ไม่แน่ใจว่าเป็น megatrend ไหม? จะดูยังไง?

นพ.พงศ์ศักดิ์: ดู model จากต่างประเทศว่ามันมีความเกี่ยวข้องมากแค่ไหน ดูในประเทศที่เจริญแล้ว เค้าพูดถึงเรื่องนี้ยังไง?
- มาดูในไทยว่า เราจะไปทิศทางเดียวแบบนี้ไหม? ดูการสนับสนุนจากภาครัฐ
- ถ้ายังสงสัยก็อย่าเพิ่งลงทุน ถ้ามั่นใจแล้วค่อยลงทุน
- บางทีข้อมูลที่มาจากแหล่งอื่นที่ไม่เล่นหุ้น เป็นข้อมูลที่ดีกว่าคนเล่นหุ้น เพราะมันไม่มี bias
- สุดท้ายก็ต้องเชื่อตัวเอง ไม่ต้องฉลาดมาก แค่เป็นคนที่ขยันใฝ่หา รู้จักแยกแยะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เราจะเอามาใช้ได้แค่ไหน? ให้ดูแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือด้วย
- Valuation คือสิ่งที่ยากที่สุด บางทีเราเจอของดีแล้ว แต่มันก็แพงเกินไป
- 1.) มี idea ที่ดี, 2.) valuation ที่ถูกต้อง
- เช่น พลังงานทางเลือก กำลังจะมา แล้วก็มาดูเรื่อง valuation
- ข้อดีของโรงไฟฟ้าคือ กำไรค่อนข้าง stable รู้ว่า 1 MW. จะได้กำไรเท่าไหร่?
- ติดตามโครงการในแต่ละโครงการว่ารัฐบาลสนับสนุนไหม?
- สิ่งที่เกิน 3 ปี และไม่อยู่ใน business plan มันมีบางอย่างที่บริษัททำได้ดีกว่าที่เราคิดในอนาคต นั่นคือบริษัทนั้นมี DCA
- นอกจากจะไม่แพงแล้ว ให้มองต่อว่าจะมีอะไรดีอีกในอนาคต?
- สุดท้ายแล้ว ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะเป็นผู้ชนะคือ มี efficiency ดีที่สุด, cost ต่ำ, มี output ดี
- บริษัทที่ทำทุกอย่างใน supply chain จะมีอำนาจต่อรองเยอะ ไม่ต้องแบ่งกำไรให้ใคร
- มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

คุณสุภัทกิตต์: ประเมินความเสี่ยงยังไง?

นพ.พงศ์ศักดิ์: ต้องถามว่าโอกาสที่จะได้งานหรือทำ project เป็นยังไง?
- ถ้า PPA ได้ ถือว่า price-in ได้แล้ว แต่ต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัยไว้ด้วย
- บริษัทที่มีความสามารถ มักทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้
- แนะนำให้ฟัง oppday ย้อนหลัง ตั้งแต่แรกมาจนถึงปัจจุบัน จะได้รู้ว่า timing ของบริษัทเป็นยังไง

คุณสุภัทกิตต์: เรื่อง "ตัวเร่ง" จะประเมินยังไง? หาข้อมูลยังไง?

นพ.ประมุข: คล้ายกับเป็นตัวที่ปลดล็อค value ของมันออกมา
- Asset-Play: เช่น ขายหุ้นที่มีอยู่ โดยหุ้นลูกมี market cap ที่สูงกว่า
- หุ้นที่ขายเครื่องประดับ: ลงทุนเปิดสาขา counter ไม่แพง, สินค้าไม่เน่าเสีย, ขยายกี่สาขาแล้วคาดว่ากำไรจะเพิ่มเท่าไหร่?, ลองคำนวณ worst/best case ดู
- หุ้นขายของ online: ไปตาม megatrend, เป็นเบอร์ 2-3 ในตลาด, ดูยังมี growth
- ไม่ทุ่มทีเดียว ทยอยเข้าซื้อ

คุณสุภัทกิตต์: มองอนาคตของ megatrend มีแนวไหนอีกบ้าง?

นพ.พงศ์ศักดิ์: ไกลกว่านี้ยังมองไม่ออก แต่วิธีการคือ อ่านหนังสือพิมพ์วันละ 1 ฉบับ, search ในเว็บ ThaiVI, Economist, TIMES
- ศึกษาพฤติกรรมของคน, สิ่งที่คนกำลังสนใจ, เป็นที่นิยม
- ไปสัมมนา เลือกไปฟังกับกับคนที่มีไอเดียดีๆ เปิดรับฟังก่อน แล้วเก็บเอามาคิด
- ผลประกอบการ ต้องมอง trend ให้ออก มองระยะกลางให้ออกก็พอจะลงทุนได้ ถ้า trend ที่ผลประกอบการดีขึ้นทั้งกลุ่ม ให้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น?

นพ.ประมุข: trend บางอย่าง มันไม่มาตกถึงเมืองไทย ก็ต้องคอยติดตามกิจการรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น
- ติดตาม business model, business partner แบบใหม่ๆ ต้องดูว่าสิ่งที่มาใหม่จะ impact กับกำไรของบริษัทมากแค่ไหน
- พลังงานทดแทน, E-commerce, อำนวยความสะดวก, สุขภาพของคนแก่

คุณสุภัทกิตต์: มองสภาวะตลาดตอนนี้เป็นยังไง?

นพ.พงศ์ศักดิ์: ตอนนี้ค่อนข้างแพง เทียบกับ long term government bond yield อย่าง market risk premium ให้ลองดู earning yield ตอนนี้ 5% แต่ bond ตอนนี้ 3% เหลือ gap แค่ 2% ยิ่งใกล้ 0 ยิ่งไม่ดี ถ้าขึ้นไปใกล้ 10 จะดีมาก
- ตอนนี้แพง อีก 2 ปี จะดีไหม? ถ้าคิดว่าผลตอบแทน 7% แล้วดู earning yield ในอนาคต ได้ประมาณ 5.8% แต่ bond yield ขึ้นเป็น 4% ลบกันได้ 1.8% ก็ไม่ถูกเลย
- เลือกหุ้นที่ไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
- หุ้นที่ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ก็สามารถโตได้
- หุ้นที่แย่ง market share จากผู้เล่นรายอื่นได้
- หุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ แนะนำเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
- ถือเงินสดไว้บางส่วน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าซื้อ

นพ.ประมุข: ถือเงินสดประมาณ 10-20% รอให้มีเหตุการณ์มากระทบ ก็ถือเป็นโอกาส (เช่น ข่าวเรื่องโรค MERS) 
- ดูที่กิจการเป็นหลัก ดูว่าเหตุการณ์ตอนนี้จะกระทบอะไรกับ port เราบ้าง
- เช่น เรื่องภัยแล้ง จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของรากหญ้า, TV digital คาดว่าจะเป็นยังไงต่อ?

ampmie152.
http://ampmie152.blogspot.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[INV033] รีวิว 6 เดือน กับการเป็น FA ที่ Finnomena

[INV023] วิธีใช้ไฟล์ excel ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆจากงบการเงิน

[IT006] How to convert UTF-8 to ANSI ? (Thai fonts)

[MUS001] Kazoo...เครื่องดนตรีที่ใครๆก็เล่นได้!

[OTH004] มาเล่นแฟลกฟุตบอลกันเถอะ!